สรุปงบล่าสุด MILL
บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) (MILL) ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2567 โดยบริษัทมีรายได้รวมจากการขายและบริการอยู่ที่ 473 ล้านบาท ลดลง 89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 48% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากความต้องการเหล็กในประเทศที่ยังคงซบเซา รวมถึงผลกระทบจากอุปทานเหล็กส่วนเกินจากประเทศจีน นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างหยุดดำเนินการโรงหลอมเป็นการชั่วคราวตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 เนื่องจากการรอชิ้นส่วนในการผลิตจากต่างประเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ในไตรมาส 3/2567 บริษัทมีผลขาดทุนขั้นต้นจำนวน 511 ล้านบาทจากค่าใช้จ่ายในการหยุดผลิตและการปรับราคาโดยประมาณที่คาดว่าจะขายได้ตามลักษณะการประกอบธุรกิจตามปกติ (NRV)
บริษัทมีแผนที่จะกลับมาดำเนินการผลิตในโรงหลอมเต็มรูปแบบในไตรมาส 4/2567 และคาดว่าจะสามารถกลับมาทำกำไรได้ในปี 2568 กลยุทธ์สำคัญของบริษัทคือการมุ่งเน้นการผลิตเหล็กเกรดพิเศษ (Special Steel) เพื่อขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ให้มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง (Supporting Core Business) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท และตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในทุกมิติของธุรกิจ
จากผลประกอบการไตรมาส 3/2567 และข้อมูลอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง บริษัท MILL มี P/E ล่าสุด -100 และ P/BV 0.19 แสดงให้เห็นถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่ต่ำ ราคาเฉลี่ยย้อนหลังของหุ้น MILL ค่อนข้างผันผวน โดยราคาหุ้นเฉลี่ยช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 0.85 บาท ข้อมูล D/E อยู่ที่ 1.91 แสดงให้เห็นถึงภาระหนี้สินที่ค่อนข้างสูง แม้ว่าบริษัทมีวงจรเงินสด 69.81 วัน ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและการเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้า แต่เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 ติดลบอยู่ที่ -295.56 ล้านบาท และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนเป็นบวกอยู่ที่ 352.39 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทกำลังอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างธุรกิจ โอกาสการลงทุนในหุ้น MILL อาจเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มองหาโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำและรอการฟื้นตัวของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามผลประกอบการของบริษัทอย่างใกล้ชิดและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ความผันผวนของราคาเหล็ก ความต้องการเหล็กในประเทศที่ยังคงซบเซา และภาระหนี้สินที่ค่อนข้างสูง
**โอกาส:**
* บริษัทมีแผนที่จะกลับมาดำเนินการผลิตในโรงหลอมเต็มรูปแบบในไตรมาส 4/2567 และคาดว่าจะสามารถกลับมาทำกำไรได้ในปี 2568
* กลยุทธ์การมุ่งเน้นการผลิตเหล็กเกรดพิเศษ (Special Steel) เพื่อขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง
* บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง (Supporting Core Business) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท และตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในทุกมิติของธุรกิจ
**ความเสี่ยง:**
* ความผันผวนของราคาเหล็ก
* ความต้องการเหล็กในประเทศที่ยังคงซบเซา
* ภาระหนี้สินที่ค่อนข้างสูง
(45.66%)
(88.40%)
(92.46%)
(453.80%)
(254.24%)
(3,147.11%)
(78.66%)
(33.11%)
(92.61%)
(1,404.86%)
(164.31%)
(75.17%)