สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH มีผลประกอบการในไตรมาส 2/2567 ที่น่าสนใจ โดยรายได้รวมในงวด 3 เดือน และ 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เท่ากับ 569.27 ล้านบาท และ 1,132.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.11% และ 11.43% ตามลำดับ ขณะที่กำไรจากกิจกรรมดำเนินงานรวมเติบโตขึ้น 87.39% และ 41.59% ส่งผลให้กำไรสุทธิรวม (ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่) สำหรับงวด 3 เดือน เติบโตขึ้น 101.91% อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิในงวด 6 เดือน ลดลงเล็กน้อย คิดเป็น 1.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

บริษัทฯ มีแผนธุรกิจมุ่งเน้นการขยายการเติบโตในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการให้บริการตรวจวิเคราะห์และวินิจฉัยทางวิทยาศาสตร์ด้านเกษตร อาหาร ยา ปัจจัยการผลิตทางการเกษตร และสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายที่จะเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันโดยการลงทุนในเทคโนโลยีทางการแพทย์และการพัฒนาบุคลากร บริษัทฯ คาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2567 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายธุรกิจและการเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงาน

ผลประกอบการของ LPH ในไตรมาส 2/2567 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจ โดยมีอัตราส่วนทางการเงินที่น่าสนใจ P/E ของ LPH อยู่ที่ 56.43 ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่มีต่อผลประกอบการในอนาคตที่สูง P/BV อยู่ที่ 1.65 แสดงว่ามูลค่าตลาดสูงกว่ามูลค่าตามบัญชี Yield อยู่ที่ 3.33% แสดงถึงความสามารถในการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น D/E อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1 แสดงถึงความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน การที่ LPH มีวงจรเงินสดที่ติดลบแสดงถึงการมีประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้า เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานอยู่ที่ 319.07 ล้านบาท สะท้อนถึงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนอยู่ที่ -348.30 ล้านบาท สะท้อนถึงการนำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ การลงทุนใน LPH อาจเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการเติบโตระยะยาว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามผลประกอบการอย่างใกล้ชิด และวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสุขภาพ การแข่งขันในตลาด และความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ

**โอกาส**
* ธุรกิจบริการทางการแพทย์ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
* บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจในต่างประเทศ
* บริษัทฯ มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง

**ความเสี่ยง**
* การแข่งขันในตลาดสูง
* ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ
* การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสุขภาพ