สรุปงบล่าสุด LIT

บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการ หุ้น LIT (บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน)) ปี 2567 (อัปเดต)
**สรุปสั้น:**
บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน) หรือ LIT ประสบผลขาดทุนสุทธิในปี 2567 จำนวน 449.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ขาดทุน 117.6 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการตั้งสำรองค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss: ECL) ที่เพิ่มขึ้นจากการสำรองตามสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่สูงขึ้น รวมถึงการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยงและควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยมุ่งเน้นการให้สินเชื่อแก่คู่ค้าภาครัฐมากขึ้น และมีการจัดการสัดส่วนหนี้สินให้เหมาะสมกับพอร์ตสินเชื่อ
* **NIM (Net Interest Margin):** ไม่ได้ระบุในข้อมูลที่ให้มา
* **NPL (Non-Performing Loans):** ลดลงจากการปล่อยสินเชื่อให้ตลอดทั้งปี แต่สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มสูงขึ้น
* **Coverage Ratio:** อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นจาก 65.2% ในปี 2566 เป็น 77.3% ในปี 2567
**เศรษฐกิจ:**
ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังต่ำกว่าเป้าหมาย ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ LIT ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และภาวะหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้น ไม่มีรายงานการเปิดสาขาใหม่ในช่วงปี 2567
**การเปลี่ยนแปลงของกำไร:**
บริษัทฯ ประสบผลขาดทุนสุทธิ 449.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ขาดทุน 117.6 ล้านบาท การเปลี่ยนแปลงนี้มีสาเหตุหลักมาจาก:
* **รายได้ดอกเบี้ยลดลง:** เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อลดลง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก
* **ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น:** ไม่ได้ระบุรายละเอียดถึงสาเหตุ
* **ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น:** เป็นผลจากการติดตามทวงถามหนี้ที่เข้มข้นขึ้น และการประเมินความเสี่ยงของลูกหนี้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9
* **ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้:** มาจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี
**สินเชื่อและสัดส่วน:**
บริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์ในการให้สินเชื่อ โดยมุ่งเน้นการให้สินเชื่อแก่ลูกค้าที่เป็นคู่ค้าภาครัฐมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดหนี้ด้อยคุณภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการให้สินเชื่อในผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น สินเชื่อสัญญารับซื้อหนี้การค้า สินเชื่อสัญญาเช่าซื้อ และสินเชื่อสัญญาเช่าทางการเงิน เพื่อกระจายพอร์ตสินเชื่อไปยังกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ
* **จำนวนสินเชื่อรวม:** ลดลงจากการตัดจำหน่ายลูกหนี้ระหว่างปีจำนวน 470.7 ล้านบาท
* **สัดส่วนสินเชื่อสูงสุด:** ไม่ได้ระบุในข้อมูลที่ให้มา
* **NIM (Net Interest Margin):** ไม่ได้ระบุในข้อมูลที่ให้มา
* **NPL (Non-Performing Loans):** ลดลงจากการปล่อยสินเชื่อให้ตลอดทั้งปี แต่สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มสูงขึ้น
* **Coverage Ratio:** อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นจาก 42.4% เป็น 48.3% และอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นจาก 65.2% เป็น 77.3%
**ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสการลงทุน:**
**ปัจจัยความเสี่ยง:**
* ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว
* ความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกค้า SMEs
* การแข่งขันในอุตสาหกรรม
* การเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบ
* ความสามารถในการชำระดอกเบี้ยลดลง
**โอกาสในการลงทุน:**
* การเติบโตของธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank)
* การขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคู่ค้าภาครัฐ
* การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ
* การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
**สรุปสั้นท้ายสุด:**
ผลประกอบการของ LIT ในปี 2567 ได้รับผลกระทบอย่างมากจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย และการตั้งสำรองค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยจะลดลง แต่บริษัทฯ ได้พยายามปรับกลยุทธ์โดยมุ่งเน้นการให้สินเชื่อแก่ลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำ และควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน รวมถึงเสริมทีมติดตามทวงถามหนี้ อัตราส่วนสภาพคล่องเพิ่มขึ้นจากการออกหุ้นกู้ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยลดลง การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเครดิต และการติดตามทวงถามหนี้อย่างเข้มงวด เป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมความเสียหาย และสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การควบคุมคุณภาพสินเชื่อใหม่ที่ปล่อยออกไปมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการฟื้นตัวในอนาคต
**ข้อสังเกต:** แม้บริษัทจะมีการปรับกลยุทธ์และพยายามควบคุมความเสี่ยง แต่ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อส่วนของผู้ถือหุ้น การฟื้นตัวของผลประกอบการจึงเป็นสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
(7.51%)
(35.24%)
(5.63%)
(38.67%)
(1.74%)
(2.55%)
(0.65%)
(6.43%)
(0.00%)
(584.09%)
(1,535.98%)
(63.36%)