สรุปงบล่าสุด KOOL
บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 ปี 2567 โดยมีรายได้รวมเติบโตขึ้น 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า การเติบโตนี้เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าในกลุ่มพัดลมไอเย็นและงานโครงการแก้ปัญหาอากาศร้อน รวมไปถึงการรวมงบการเงินของบริษัท ซีแอล ลิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยด้านยานพาหนะให้เช่าที่บริษัทฯ เข้าซื้อในไตรมาส 3 ปี 2566 นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อในส่วนธุรกิจการเงิน ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้น ในด้านงบดุล บริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างสินทรัพย์และหนี้สิน โดยทรัพย์สินรอการขายเพิ่มขึ้นจากการขายรถเช่าองค์กรพร้อมสัญญาเช่าให้แก่บุคคลภายนอก
บริษัทฯ มีแผนธุรกิจในอนาคตมุ่งเน้นการขยายตลาดสินค้าและบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านพัดลมไอเย็นและโครงการแก้ปัญหาอากาศร้อน บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในปี 2568 ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นการขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านช่องทางการขายแบบออนไลน์และออฟไลน์ รวมไปถึงการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการลงทุนในธุรกิจด้านการเงินและอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างรายได้ในระยะยาว
บริษัท KOOL ถือเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบการเติบโตของรายได้และกำไร ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 30.97 ล้านบาทในปี 2562 เป็น 70.23 ล้านบาทในปี 2567 แม้ว่ากำไรสุทธิในปี 2563 และ 2564 จะติดลบ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของผลประกอบการอย่างมีนัยสำคัญ อัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับที่น่าพอใจ D/E ต่ำกว่า 1 สะท้อนถึงพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง P/E อยู่ที่ 9.18 แสดงถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการแข่งขันในอุตสาหกรรม
**โอกาส**
- รายได้และกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
- ธุรกิจพัดลมไอเย็นและโครงการแก้ปัญหาอากาศร้อนมีแนวโน้มเติบโตในอนาคต
- การเข้าซื้อกิจการช่วยขยายฐานลูกค้าและสร้างรายได้ใหม่
- D/E ต่ำกว่า 1 ทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการกู้ยืมเงินสูง
**ความเสี่ยง**
- การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น
- ราคาต้นทุนวัตถุดิบที่อาจผันผวน
- ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
- สภาพอากาศที่อาจส่งผลต่อความต้องการสินค้าและบริการ
- การเปลี่ยนแปลงของนโยบายรัฐบาล
บริษัท KOOL เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง D/E ที่ต่ำทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการกู้ยืมเงินสูงซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการขยายธุรกิจและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการแข่งขันในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันในด้านราคาและคุณภาพของสินค้า
(39.34%)
(71.37%)
(37.13%)
(47.65%)
(3.63%)
(13.84%)
(36.12%)
(36.21%)
(74.02%)
(91.99%)
(47.96%)
(85.75%)