สรุปงบล่าสุด KDH

บริษัท ธนบุรี เมดิเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทสรุปผลประกอบการ บริษัท ธนบุรี เมดิเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (KDH) ปี 2567
บทความนี้สรุปผลประกอบการของ บริษัท ธนบุรี เมดิเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (KDH) สำหรับปี 2567 โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่บริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568
**ภาพรวมผลประกอบการปี 2567**
KDH รายงานผลประกอบการปี 2567 เป็น **กำไรสุทธิ 140.6 ล้านบาท** ซึ่งเพิ่มขึ้น **33.2%** หรือ 35.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
**รายได้รวม:**
* **ลดลง:** รายได้รวมปี 2567 ลดลง 157.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566
* **รายได้จากผู้ป่วยนอก (OPD):** เพิ่มขึ้น 48.6 ล้านบาท หรือ 10.8%
* **รายได้จากผู้ป่วยใน (IPD):** ลดลง 207.2 ล้านบาท หรือ 28.4%
**ค่าใช้จ่ายรวม:**
* **ลดลง:** ค่าใช้จ่ายรวมลดลง 197.0 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566
* **ต้นทุนค่ารักษาพยาบาล:** ลดลง 72.4 ล้านบาท หรือ 10.0% เนื่องจากการลดลงของค่าแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์
* **ค่าใช้จ่ายในการบริหาร:** ลดลง 145.0 ล้านบาท
**ปัจจัยขับเคลื่อนผลประกอบการ:**
* **การปรับรูปแบบการบริหารจัดการแผนกศัลยกรรมความงาม:** เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อทั้งรายได้และค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ โดยเฉพาะการลดลงของรายได้จากผู้ป่วยใน (IPD) และการลดลงของค่าใช้จ่ายต่างๆ
**สถานการณ์เศรษฐกิจและผลกระทบ:**
ข้อมูลที่ให้มาไม่ได้กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงิน อัตราเงินเฟ้อ และปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่นๆ อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และความต้องการในการใช้บริการทางการแพทย์ ซึ่งอาจมีผลต่อรายได้ของ KDH
**การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
* **รายได้:** การลดลงของรายได้รวมเกิดจากการลดลงของรายได้จากผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ หรือการแข่งขันที่สูงขึ้น
* **ค่าใช้จ่าย:** การลดลงของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายในการบริหารเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยเพิ่มกำไรสุทธิ
* **อัตรากำไร:** ข้อมูลไม่ได้ระบุอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิ อย่างไรก็ตาม การที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
**สินทรัพย์ หนี้สิน และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E):**
ข้อมูลที่ให้มาไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับสินทรัพย์ หนี้สิน และอัตราส่วน D/E การวิเคราะห์ฐานะการเงินของบริษัทฯ จะต้องอาศัยข้อมูลเพิ่มเติมจากงบการเงิน
**กระแสเงินสด:**
ข้อมูลที่ให้มาไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน การลงทุน และการจัดหาเงิน การวิเคราะห์กระแสเงินสดจะช่วยให้เข้าใจถึงความสามารถในการสร้างเงินสด และการบริหารจัดการเงินทุนของบริษัทฯ
**ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน:**
* **ปัจจัยความเสี่ยง:** การแข่งขันในอุตสาหกรรมโรงพยาบาล, การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข, ความเสี่ยงด้านกฎหมายและการดำเนินงาน
* **โอกาสในการเติบโต:** การขยายสาขา, การพัฒนาบริการใหม่ๆ, การเพิ่มจำนวนผู้ป่วยต่างชาติ, การเติบโตของตลาดศัลยกรรมความงาม
**แนวโน้มอนาคต:**
แนวโน้มอนาคตของการลงทุนใน KDH ขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม, การบริหารจัดการต้นทุน, และการขยายธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
**สรุปความสัมพันธ์ของปัจจัยที่มีผลต่อกำไร:**
กำไรสุทธิของ KDH ในปี 2567 ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย:
* **รายได้:** การลดลงของรายได้รวมส่งผลกระทบทางลบต่อกำไร แต่การเพิ่มขึ้นของรายได้จากผู้ป่วยนอก (OPD) ช่วยลดผลกระทบ
* **ค่าใช้จ่าย:** การลดลงของต้นทุนค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายในการบริหารเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยเพิ่มกำไร
* **อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิ:** การที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้ดีขึ้น
* **อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E):** ข้อมูลนี้ไม่ได้ระบุ แต่การมีระดับหนี้สินที่เหมาะสมจะช่วยให้บริษัทฯ มีความยืดหยุ่นในการดำเนินงานและขยายธุรกิจ
**โดยรวมแล้ว KDH สามารถสร้างผลกำไรที่ดีขึ้นในปี 2567 แม้ว่ารายได้รวมจะลดลง การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้ในระยะยาว**
**หมายเหตุ:** บทสรุปนี้อ้างอิงจากข้อมูลที่บริษัทฯ แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เท่านั้น การวิเคราะห์เชิงลึกควรพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมจากงบการเงิน และแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
(5.35%)
(3.08%)
(17.97%)
(3.84%)
(13.34%)
(0.79%)
(25.00%)
(5.81%)
(51.42%)
(10.05%)
(14.03%)
(201.30%)