CRC
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

สรุป Oppday Central Retail Corporation (CRC) ปี 2567: เติบโตต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทาย

สวัสดีนักลงทุน ผู้จัดการกองทุน และนักวิเคราะห์ทุกท่าน Central Retail Corporation (CRC) ขอต้อนรับเข้าสู่การแถลงผลประกอบการประจำปี 2567

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

ปี 2567 เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของ CRC สามารถสร้างผลประกอบการที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้กลยุทธ์ CRC Omni Intelligence ที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น ทำให้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วและทุกสถานการณ์ ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจในไทย เวียดนาม และอิตาลี รักษาเสถียรภาพทางการเงินและการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • รายได้รวม: 263,000 ล้านบาท เติบโต 6%
  • EBITDA (กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย): 35,000 ล้านบาท เติบโต 8% Margin อยู่ที่ 13.4% เติบโตจากปีก่อน 20 basis points
  • กำไรก่อนรายการพิเศษต่างๆ: 8,900 ล้านบาท เติบโต 9% Margin เติบโต 10 basis points

บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจบปีด้วย SG&A to total revenue ที่ 27.4%

ด้าน Liquidity บริษัทยังคงรักษาเสถียรภาพทางการเงินได้แข็งแกร่ง Net Debt to EBITDA อยู่ที่ 3.3 เท่า และ Net Debt to Equity อยู่ที่ 1.1 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่า Internal Policy ที่ตั้งไว้ 3.0 และ 2.0 ตามลำดับ

มีการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2567 ที่ 0.60 บาท เติบโตจากปีก่อน 9% (ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 เมษายน) Dividend Payout Ratio อยู่ที่ 44% สูงกว่าที่บริษัทกำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

  • ตั้งเป้าเติบโตเป็น 3 เท่าของ GDP ในประเทศไทย
  • มองหาธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนหรือการเติบโตได้มากกว่า 2-3 เท่าของ GDP ของแต่ละประเทศ
  • เน้นธุรกิจ Omni Channel ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 20% และมีแผนพัฒนาต่อเนื่อง
  • ขยายสาขาในเวียดนาม โดยเน้น Core Business เช่น Food, Shopping Mall, และ Hypermarket
  • ขยายธุรกิจในอิตาลี โดยสร้าง Recurring Income จาก Media Company

บริษัทมี Competitive Advantage จาก Ecosystem ของ Central Group ทำให้สามารถเลือก Business ที่ถูกต้องและเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

ในส่วนของ Hardline ในเวียดนาม ยอดขายลดลงเล็กน้อยเนื่องจากผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการจับจ่ายและมีการแข่งขันสูง

อัตรากำไรขั้นต้น (GP Margin) โดยรวมลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนเนื่องจากสัดส่วนยอดขายในแต่ละส่วนงานเปลี่ยนแปลงไป และลูกค้ายังคงระมัดระวังในการเลือกซื้อสินค้าที่เน้นความคุ้มค่า

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

  • ปรับปรุงพื้นที่ให้เช่าในส่วนของ Robinson Lifestyle เพื่อดึงดูดลูกค้า
  • นำแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเสริม Portfolio เพื่อเพิ่ม Profitability
  • ร่วมลงทุนกับธุรกิจ Sport จาก Red Runner เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจ Sport
  • เน้น Premium Segment ในธุรกิจ Food และสร้าง One Brand ภายใต้ Top เพื่อครองตลาด
  • บริหารจัดการหนี้สินภายในเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

  • ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตจากทุกช่องทางและทำกำไรให้ดียิ่งขึ้น โดยเน้นการตอบโจทย์ลูกค้า (Customer at the Core)
  • ผลักดันการเติบโตของ Go Wholesale และ Omni Channel อย่างต่อเนื่อง
  • เสริมสร้างศักยภาพของทีมงานด้วยเทคโนโลยีและ AI เพื่อเพิ่ม Sales Productivity และ Cost Productivity
  • ยังคงเดินหน้าในการพัฒนาด้านความยั่งยืนภายใต้กรอบ ESG และเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [01:08:42]

คำถามและคำตอบในช่วง Q&A Session สรุปได้ดังนี้:

  1. Easy e-Receipt

    มาตรการ Easy e-Receipt ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายสินค้าที่เป็น Basic Necessity ได้ดี สินค้าที่ขายดีคือ Home Electronics (เครื่องฟอกอากาศ) และ Beauty/Skincare

  2. Same Store Sales Growth

    ไทย: Same Store Sales Growth (SSSG) ของ CRC Thailand อยู่ในระดับ Low Single Digit โดย Food และ Fashion มี SSSG เป็นบวก ส่วน Hardline ทำได้ In-Line กับ Industry (ติดลบเล็กน้อย) แต่ BU DIY (ไทยวัสดุ) ติดลบอยู่ในระดับ Low to Mid Single Digit

    เวียดนาม: หากดูเป็น Local Currency SSSG เป็นบวก โดยหลักๆ มาจากกลุ่มธุรกิจ Food

  3. Go Wholesale

    ปีที่แล้วเปิด 6 สาขา ปีนี้ตั้งเป้าเปิด 4 สาขา (เปิดไปแล้ว 3 สาขาใน 2 เดือนแรก) การเปิดสาขาเป็นไปตามเป้าหมาย

    Performance ของสาขาที่เปิดมาครบปี (4 สาขา) เป็นไปตาม Target และมี KPI ตัวอื่นๆ เช่น Gross Profit และ Shrinkage ที่เป็นไปตาม Budget

    สินค้า Own และ Exclusive Brand ทำได้ดี ลูกค้าให้การตอบรับอย่างดี สัดส่วนขึ้นมาเป็น 7% เมื่อปลายปี 2024

    สัดส่วนยอดขายจากลูกค้า B2B วิ่งเข้าสู่ Target ปลายปีมีกว่า 55%

  4. แผนขยายตลาดต่างประเทศ

    ยังคงโฟกัสที่ 3 ประเทศหลัก (ไทย เวียดนาม อิตาลี) ยังไม่มีแผนขยายไปประเทศอื่น

    ตลาดเวียดนามยังมีโอกาสเติบโตสูงจาก GDP ที่คาดว่าจะเติบโต 6-7% และมี Room ที่จะขยายสาขา Organic Growth นอกจากนี้ยังได้ขยายไปจับกลุ่มลูกค้าระดับบนด้วย Lifestyle Brand

  5. การจัดการหุ้น Grab

    บริษัทสามารถ Monetize หรือขายหุ้น Grab ที่จดทะเบียนใน Nasdaq ได้ โดยมีทางเลือกในการขายหุ้นในอนาคต ผลตอบแทนที่ได้มาสามารถนำไปขยายต่อ (Growth Expansion) หรือนำไปชำระหนี้ (ลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย) บริษัทจะพิจารณาถึงความเหมาะสมเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด (ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำกำไร การขาย หรือการถือเอาไว้)

  6. งบลงทุน (CAPEX)

    ตั้งเป้างบลงทุน 17,000-19,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

    • New Expansion (ขยายสาขา): ประมาณครึ่งหนึ่ง (8,500-9,500 ล้านบาท)
    • ปรับปรุงสาขา (Renovate): อีกครึ่งหนึ่ง

    ปีนี้ไม่มีแผนเปิด Department Store แต่มีแผน Renovate สาขา Tops (Central ปิ่นเกล้า, Central แจ้งวัฒนะ) และ Robinson Lifestyle (สระบุรี, สมุทรปราการ, กาญจนบุรี)

โดยรวมแล้ว CRC ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากหลายด้าน ทั้งการขยายสาขา การพัฒนา Omni Channel และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันที่สูงขึ้น