COCOCO
บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

สรุป Oppday COCOCO ปี 2567 ไตรมาส 4: เจาะลึกผลกระทบ, โอกาส, และแนวโน้มธุรกิจมะพร้าว

สวัสดีครับ/ค่ะ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งาน Opportunity Day ประจำปี 2567 ของบริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) วันนี้เราจะมาอัปเดตภาพรวมธุรกิจและผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 รวมถึงแนวโน้มและเป้าหมายในอนาคตครับ/ค่ะ

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

  • ผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ:

    บริษัทมีรายได้รวม 1,756 ล้านบาท ลดลง 8.93% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (Q on Q) แต่เพิ่มขึ้น 21.96% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (Year on Year)

    รายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 1,727 ล้านบาท ลดลง 9.77% (Q on Q) แต่เพิ่มขึ้น 23.65% (Year on Year)

    อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 18% ลดลง 36.27% (Q on Q) และ 18.52% (Year on Year)

    กำไรสุทธิ (Net Profit) อยู่ที่ 84 ล้านบาท ลดลง 51.42% (Q on Q) และ 55.72% (Year on Year)

  • ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบ:
    1. ปัจจัยภายใน: ช่วง Low Season ของธุรกิจ, ราคาวัตถุดิบ (มะพร้าว) ที่สูงขึ้น
    2. ปัจจัยภายนอก: สภาพอากาศแปรปรวน (El Niño)
  • ข้อมูลทางการเงินและสถิติ:
    1. รายได้รวมปี 2567: 6,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.44% (Year on Year)
    2. รายได้จากการขายและบริการปี 2567: 6,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.46% (Year on Year)
    3. อัตรากำไรขั้นต้นปี 2567: 24% เพิ่มขึ้น 29.23% (Year on Year)
    4. กำไรสุทธิปี 2567: 687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.26% (Year on Year)

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

  • โอกาสในปัจจุบัน:
    1. การขยายตลาดส่งออก: ไปยังกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยมีฐานลูกค้าในส่วนของกะทิและน้ำมะพร้าวกว่า 376 ราย
    2. การเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมะพร้าวอันดับ 1 จากประเทศไทย
    3. การขยายฐานลูกค้าไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตใหม่ๆ ในอเมริกาและตลาดยุโรป
    4. การออกผลิตภัณฑ์ใหม่: เช่น Coconut Whipping Cream ในตลาดอเมริกา, กะทิ 500 ml ในตลาดสแกนดิเนเวีย, น้ำมะพร้าว PET ในตลาดเอเชีย
    5. การขยายช่องทางอีคอมเมิร์ซ: เช่น Amazon ในสหรัฐอเมริกา
    6. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่: ร่วมกับ R&D เช่น น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว, นมโยเกิร์ตมะพร้าว, ขนมมินิเวเฟอร์โรล
  • กลยุทธ์และแผนการดำเนินการ:
    1. การเน้น OEM Strategy: ในตลาดอเมริกาและยุโรป
    2. การขยายตลาด Own Brand: (Thai Coco) ไปยังกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
    3. การมองหาตลาดใหม่ๆ: เช่น ซาอุดีอาระเบีย และการขยาย Segment ใหม่ๆ ในจีน (Food Service)

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

  • ความเสี่ยงด้านการตลาด: การแข่งขันสูงในตลาด, การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค
  • ความเสี่ยงด้านวัตถุดิบ: ราคาวัตถุดิบ (มะพร้าว) ผันผวน, สภาพอากาศแปรปรวน (El Niño)
  • ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน: ความล่าช้าในการผลิต, การขนส่ง
  • ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น: กำไรขั้นต้นลดลง, ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น, การส่งมอบสินค้าล่าช้า

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

  • การแก้ไขปัญหา:
    1. การบริหารจัดการสต็อกวัตถุดิบ: เก็บสต็อกวัตถุดิบ 6 เดือน (ปกติ), มองหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ เช่น อินโดนีเซีย
    2. การลดต้นทุนการผลิต: โดยการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีต้นทุนต่ำกว่า (ฟิลิปปินส์)
    3. การปรับราคาสินค้า: ปรับราคากะทิขึ้น 20-30% เพื่อรักษากำไรขั้นต้น
  • แผนการดำเนินการและกลยุทธ์:
    1. การลงทุนในเทคโนโลยีและเครื่องจักรใหม่: เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
    2. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่: เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย
    3. การขยายตลาด: ไปยังภูมิภาคที่มีศักยภาพในการเติบโต

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

  • แนวโน้มธุรกิจในอนาคต: การเติบโตของตลาดน้ำมะพร้าวและผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว, ความนิยมในอาหาร Plant-Based และอาหารเพื่อสุขภาพ, การขยายตัวของตลาดสัตว์เลี้ยง
  • วิสัยทัศน์และเป้าหมายระยะยาว: เป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวระดับโลก, สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
  • เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง: การใช้เทคโนโลยีในการผลิต, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • เป้าหมายยอดขาย: คาดการณ์ยอดขายปี 2568 ที่ 10,000 ล้านบาท และ 12,000 ล้านบาท

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) เริ่มต้น นาทีที่ 51:05

  1. ทำไมต้องไปลงทุนที่ประเทศฟิลิปปินส์?

    ฟิลิปปินส์มีมะพร้าวประมาณ 20 ล้านตันต่อปี (ไทยมีแค่ 2 ล้านตัน), ราคาถูกกว่า 3 เท่า, ไม่มี El Niño/La Niña, มีฝนตก 10 เดือน, และมีการบริโภคมะพร้าวน้อย

  2. มะพร้าวน้ำหอมราคาเพิ่มสูงขึ้นมาก บริษัทได้รับผลกระทบอะไรบ้าง และมีวิธีการบริหารจัดการปัญหาอย่างไร?

    ได้รับผลกระทบจาก El Niño ทำให้ราคาและปริมาณผันผวน, ติดตามสถานการณ์, มีสต็อกบางส่วน, คาดว่าราคาจะลงภายใน 1-2 ไตรมาส

  3. ปกติมีการเก็บสต็อกวัตถุดิบไว้กี่เดือน?

    ปกติ 6 เดือน, แต่ปีที่แล้ว 6 เดือนไม่พอ (สถานการณ์ลากยาว 12 เดือน), ไตรมาส 4 GP ลดลง, แก้ไขโดยการมีโรงงานในฟิลิปปินส์

  4. ปี 2568 บริษัทจะมีการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง หรือมีแผนขยายโรงงานเพื่อผลิตอีกไหม?

    ตอนนี้มีการติดตั้งเครื่องจักรต่อเนื่อง, มีแผนสร้าง Warehouse, แต่เน้นใช้เงินลงทุนในฟิลิปปินส์ก่อน

  5. บริษัทคาดการณ์ว่าสถานการณ์ราคามะพร้าวในปีนี้จะเป็นยังไง?

    ราคาสูง แต่เริ่มผ่อนตัวลงตั้งแต่ไตรมาส 1, คาดว่าจะจบภายในไตรมาส 2

  6. บริษัทมองตัว Gross Profit Margin ในปี 2568 อย่างไรบ้าง?

    ปีนี้เน้นประคอง GP, คาดว่าจะขายกะทิ 30% และน้ำ 70%, GP น้ำมะพร้าวสูง (25-26%), GP กะทิไม่สูงเท่าที่ควร, เฉลี่ยแล้ว GP อาจจะไม่สูงมากเหมือนปีก่อนๆ แต่ยังอยู่ในระดับ 20% เหมือนเดิม

  7. มีการปรับราคาขายในปี 2568 หรือไม่ ถ้าปรับคิดจะปรับกี่เปอร์เซ็นต์?

    กะทิปรับไปแล้ว 20-30%, ช่วยพยุง GP, น้ำมะพร้าวปรับไม่เยอะ (ราคาวัตถุดิบไม่ค่อยมีผลกระทบ)

  8. แนวโน้มผลประกอบการปี 2568 เป็นเป้าหมาย มีเป้าหมายอย่างไร เป็นไปตามเป้าหมายไหม และมีการปรับเป้าอีกไหม?

    คงเป้าไว้ที่ 10,000 ล้านบาท, ลูกค้ายังให้ Order ปกติ, ขอคงเป้าตรงนี้ไว้ก่อน, ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงจะมาดูอีกที

  9. ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนปี 2567 ที่ผ่านมา ที่เคยแจ้งว่าจะมีการค คุย Order Commit กับลูกค้าหรือยังครับ

    มีการ Commit ถึง 70% ไปแล้ว, ทุกสิ้นปีจะคุยกับลูกค้าและมี Order ยาวกันทุกปี

  10. เริ่มมีการสต็อกสินค้าสำหรับปี 2568 เมื่อไหร่คะ แล้วก็ตอนนี้ราคามะพร้าวซึ่งราคามาพร้าวค่อนข้างสูงแล้ว

    ตอนนี้ก็ก็อย่างที่เรียนว่าค่อนข้างยากสำหรับตัวกะทินะครับ แล้วเราก็จะมีการสต็อก ซึ่งเรานำเข้าจากอินโดนีเซียด้วยนะครับ คือที่จะป้องกันความขาดแคลนหรือ ไม่ให้ราคาเนี่ยสูงไปกว่านี้นะครับ ก็อย่างที่เรียนว่าเหตุการณ์นี้จะคลี่คลายนะครับ หลัง หลังอาจจะครบสักไตรมาส 2 ไปแล้วครับ

  11. ตลาดน้ำมะพร้าวในรูปแบบของ PET นะคะ หรือขวดเพชรเนี่ย เป็นยังไงบ้างคะ

    คือคือผมมีสถิตินะฮะ คือตลาดพีอีทีกับตลาด เอ่อพรีสม่ที่เป็การดาษเนี่ย มียอดขายใกล้เคียงกันนะครับ แต่จะเรียนว่า พรีสม่าเนี่ยเราก็จะโตสูงนะฮะ พีอีทีเราเพิ่งเริ่มนะครับ เพราะนั้นโอกาสที่ยอดขายพีอีทีเนี่ย จะสูงเทียบเท่าพรีสม่มีอีกเยอะครับ มีโอกาสมากเลยครับ

โดยสรุป แม้ว่าบริษัทไทย โคโคนัท จะเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก แต่ก็ยังคงมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการขยายตลาดต่างประเทศ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เราเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว