สรุปงบล่าสุด BBL
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2567
สรุปสั้น
บริษัท ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีการจัดการสินเชื่อและการตั้งสำรองที่ดี มีสภาพคล่องสูง และมีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง กำไรสุทธิอยู่ที่ 11,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากไตรมาสก่อน และ 4.5% จากปีก่อนหน้า มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจและการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ รวมถึงต้นทุนเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝาก ส่วน NIM (ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ) อยู่ที่ 3.03% ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า
เงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 2,719,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศ อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการค่อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.2% ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนค้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมที่มีการค่อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ 282.5% สะท้อนถึงการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ
BBL มี P/E ล่าสุดอยู่ที่ 6.02 P/BV อยู่ที่ 0.46 และ YIELD อยู่ที่ 5.28% ราคาหุ้นในช่วง 52 สัปดาห์อยู่ที่ 136.77 บาท ถึง 157.64 บาท และราคาล่าสุดอยู่ที่ 134.62 บาท จากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดและอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง BBL น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนระยะยาวเพื่อรับเงินปันผล โดยมีจุดเด่นคือ อัตราส่วนเงินกองทุน (Tier 1) อยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด และยังมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญอย่างเข้มงวด ส่งผลให้มี Coverage Ratio สูง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความผันผวนของตลาดการเงินอย่างต่อเนื่อง
สรุปด้วย AI(O) BOT
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 11,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 4.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสินเชื่อธุรกิจเติบโต และอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนเงินรับฝากเพิ่มขึ้น จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากตามภาวะตลาด ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 26.0% จากไตรมาสก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVOCI) ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง 2.1% จากไตรมาสก่อน และลดลง 4.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธนาคารมีการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 2,719,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ และสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศ ธนาคารมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการค่อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.2% ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมที่มีการค่อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ 282.5% สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนถึงการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง ธนาคารมี NPL อยู่ที่ 99,140 ล้านบาท
ธนาคารมี NIM (อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้) อยู่ที่ 3.05% และมี Cost to Income Ratio อยู่ที่ 45.6%
ธนาคารมีเงินรับฝากอยู่ที่ 3,184,856 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 85.4%
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 15.3% อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 16.1% และอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 19.5% ซึ่งสูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ ธปท. กำหนด
ธนาคารกรุงเทพได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำระดับโลก โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูง ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงิน และความสามารถในการชำระหนี้
จากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง BBL มีโอกาสการลงทุนในด้านต่างๆ ดังนี้:
* **อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) ที่สูง**: NIM ของ BBL อยู่ที่ 3.05% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าหลายๆ ธนาคาร สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการสินทรัพย์ และการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
* **การเติบโตของสินเชื่อ**: สินเชื่อของ BBL เติบโตต่อเนื่อง สะท้อนถึงความสามารถในการดึงดูดลูกค้า และการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ
* **การตั้งสำรองที่แข็งแกร่ง**: ธนาคารมีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตอย่างเพียงพอ ลดความเสี่ยงจากหนี้เสีย และช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน
* **เงินกองทุนที่แข็งแกร่ง**: ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนที่สูง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการขยายธุรกิจ และลดความเสี่ยงจากภาวะวิกฤต
* **ความน่าเชื่อถือที่แข็งแกร่ง**: อันดับความน่าเชื่อถือที่สูง ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และความน่าสนใจ ต่อนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม BBL ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงบางประการ ดังนี้:
* **ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก**: เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน จากปัญหาสงคราม และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจส่งผลต่อความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ และคุณภาพสินทรัพย์
* **การแข่งขันที่รุนแรง**: ตลาดธนาคารมีความแข่งขันสูง ธนาคารต้องพยายามหาทางลดต้นทุน และพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อให้สามารถดึงดูดลูกค้า และรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ได้
โดยรวมแล้ว BBL เป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผลเป็นหลัก หรือต้องการลงทุนระยะยาว เนื่องจากมี YIELD ที่สูง และ P/E ที่ต่ำ แต่ควรติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย
NIM
3.03 %
NPL
3.20 %
COV
282.50 %
CREDIT
2,719,989.00 ล้านบาท
(4.45%)
(2.58%)
(0.52%)
(5.56%)
(3.76%)
(2.91%)
(3.43%)
(2.59%)
(12.19%)
(4.55%)