สรุปงบล่าสุด BBL
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
กำไรสุทธิในไตรมาส 3/2567 ที่ 12,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 9.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน NIM (Net Interest Margin) อยู่ที่ 3.05%, NPL (Non-Performing Loans) อยู่ที่ 3.4%, และ Coverage Ratio อยู่ที่ 266.6%
ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 13.7% QoQ สาเหตุจากการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ขณะที่การตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตลดลง 21.4% QoQ อยู่ที่ 8,197 ล้านบาท
เงินให้สินเชื่อลดลง 1.2%YoY และ 3.0% QoQ โดยสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ยังคงเติบโตเล็กน้อย ส่วนกำไรสุทธิของธนาคารในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 34,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% YoY จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 4.4% YoY และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นจากบริการประกันและกองทุนรวม
สรุปด้วย AI(O) BOT
บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2567 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารอยู่ที่ 12,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 9.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารจำนวน 34,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 33,367 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 99,923 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากปริมาณเงินให้สินเชื่อเฉลี่ยและการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิกับต้นทุนเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากตามภาวะอัตราดอกเบี้ย ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 อยู่ที่ 3.05%
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 12,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.8% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 47.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 31,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมที่ยังคงเติบโตดี
ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 21,839 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 13.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ที่ 60,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายทางการตลาด
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อรวมที่มีการค่อยค่าค้านเครดิตจำนวน 103,996 ล้านบาท มีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อรวมที่มีการค่อยค่าค้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.4% ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยธนาคารมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 277,291 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการค่อยค่าค้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 266.6%
โอกาสการลงทุนใน BBL ในปัจจุบัน ประกอบด้วย:
- ผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
- ฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง
- มีเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
- มีกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ
- การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล
ความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาในการลงทุนใน BBL ในปัจจุบัน ประกอบด้วย:
- สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน
- นโยบายทางการเงินของธนาคารกลาง
- ปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
BBL น่าจะเป็นโอกาสลงทุน โดยมี P/E ล่าสุดอยู่ที่ 6.89, P/BV ล่าสุดอยู่ที่ 0.54, YIELD ล่าสุดอยู่ที่ 4.56, ราคาหุ้น 52 สัปดาห์สูงสุด/ต่ำสุดอยู่ที่ 166.62 / 103.97 และราคาล่าสุดอยู่ที่ 140.71 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล หรือลงทุนระยะยาว
นอกจากนี้ BBL ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก ได้แก่ Moody's, S&P Global Ratings, และ Fitch Ratings โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูง ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นคงทางการเงินและความแข็งแกร่งของธนาคาร
NIM
3.05 %
NPL
3.40 %
COV
266.60 %
CREDIT
2,638,697.00 ล้านบาท
(5.26%)
(7.64%)
(2.23%)
(3.38%)
(2.87%)
(3.96%)
(9.87%)
(9.22%)
(5.67%)
(9.92%)
(0.00%)
(0.00%)