AUCT
บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

AUCT สหการประมูล: เปิดกลยุทธ์ปี 2568 พร้อมรับมือความท้าทายเศรษฐกิจ

สวัสดีครับนักลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้ที่เข้ามารับชม Oppday ของบริษัทสหการประมูล จำกัด สำหรับผลงานประจำปี 2567 วันนี้เรามีผู้บริหาร คุณวรัญญู ศิลา CEO และคุณสุชน รัชฎา CPO ของบริษัท มาให้ข้อมูล โดยมี Agenda 3 เรื่องหลักคือ

  1. อัปเดตภาพรวมธุรกิจ (Business Overview)
  2. ผลการดำเนินงานด้านการเงิน (Financial Performance)
  3. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A)

บริษัทสหการประมูลก่อตั้งในปี 2534 และเริ่มทำธุรกิจประมูลอย่างจริงจังในปี 2541 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ในปี 2566 ได้มีการประมูลนอกสถานที่ในต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก และเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai ในปี 2556

ปี 2558 เริ่มมีการประมูลสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ สินค้าแบรนด์เนม และเป็นผู้จัดงานประมูลให้กับหน่วยงานราชการต่างๆ เช่น กรมศุลกากร และ กสทช. ปี 2560 มีการ Rebrand ระบบ E-Auction ซึ่งเป็นระบบการประมูลออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นเอง หลังจากนั้นมีการพัฒนาบริการอื่นๆ เพิ่มเติม

ล่าสุดในปี 2567 ได้เปิดตัวอาคารประมูลใหม่ชื่อ Off-Place สินทรัพย์หลักที่ให้บริการประมูลคือ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องจักรกลทางการเกษตร นอกจากนี้ยังมีบริการประมูลอสังหาริมทรัพย์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และกระเป๋าแบรนด์เนม พื้นที่ให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมี Warehouse 45 แห่ง และ Auction House 13 แห่ง

ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

กระบวนการประมูลเริ่มต้นจากการนำรถที่ถูกยึดมาจอดไว้ที่ Warehouse เป็นเวลา 45-60 วัน ตามเงื่อนไขของ สคบ. หลังจากนั้นจะเคลื่อนย้ายไปยังลานประมูล เพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการประมูล มีการตรวจสอบสภาพรถ จัดเกรด ทำความสะอาด ถ่ายรูป และอัปโหลดข้อมูลขึ้นเว็บไซต์

เมื่อถึงวันประมูล ผู้ประมูลชนะจะต้องจ่ายเงินมัดจำขั้นต่ำ 10% หรือชำระเต็ม 100% หากชำระครบสามารถรับรถได้ทันที หากชำระขั้นต่ำ ส่วนที่เหลือต้องชำระภายใน 3 วัน หลังจากชำระเงินครบ สามารถรับรถได้เลย ส่วนเล่มทะเบียนจะจัดส่งให้ภายหลัง

โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

บริษัทมีบริการอื่นๆ เช่น Off-Live (ระบบประมูลออนไลน์), Off-Bid (ประมูลอสังหาริมทรัพย์แบบ Countdown), Off-Property (ฝากขาย ปล่อยเช่า รีไฟแนนซ์), Off-Serve (บริการขนย้ายรถทั่วประเทศ) และ Off-Fin (สินเชื่อสำหรับการประมูลและรีไฟแนนซ์รถยนต์)

Partners และลูกค้าหลักของบริษัทคือ สถาบันการเงิน บริษัทประกัน และหน่วยงานรัฐ ในปี 2567 ได้เปิดตัวอาคารประมูลใหม่ Off-Place ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยสำหรับลูกค้า 540 ตร.ม. พื้นที่ลานประมูล 1,480 ตร.ม. และพื้นที่จอดรถ 14,000 ตร.ม. รองรับรถยนต์ได้ 13,000 คัน และรถจักรยานยนต์ 1,200 คัน

นอกจากนี้ บริษัทได้รับรางวัล SET Award และมีการปรับปรุงสาขารังสิตเป็น Auction Lane ใหม่ เพื่อรองรับรถยนต์ที่จะเข้าประมูลเพิ่มขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการประมูล มีการจัดกิจกรรมประมูล Event ต่างๆ เช่น Luxury Car, EV Corner, Ready to Travel (SUV, รถตู้), และ Big Bike ที่โคราช

ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

แผนงานปี 2568 คือ การอัปเกรด Off-Place ที่รังสิต โดยสร้างอาคารรองรับลูกค้าเพิ่มเติม และขยาย Warehouse เพิ่มอีก 2 แห่ง ทำให้มี Warehouse รวม 47 แห่ง ภายในปีนี้

ธุรกิจเพิ่มเติมคือ การเปิดสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) เพื่อรองรับลูกค้าที่ประมูลรถไปแล้ว โดยไม่ต้องไปตรวจสภาพรถเอง

ผลประกอบการไตรมาส 4/2567 มีรายได้ 321 ล้านบาท ลดลง 3.4% YoY และ 1.9% QoQ จากสภาพเศรษฐกิจและการปล่อยสินเชื่อที่ลดลง รวมถึงโครงการช่วยเหลือลูกหนี้ ทำให้ปริมาณรถที่ถูกยึดเข้าลานประมูลลดลง กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 143.73 ล้านบาท ลดลง 11.1% YoY และ 11.9% QoQ จากต้นทุนค่าเสื่อมราคาอาคารและสิทธิการใช้ที่เพิ่มขึ้น

Net Profit ของไตรมาส 4 อยู่ที่ 75.13 ล้านบาท ลดลง 19% YoY และ QoQ

วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

สำหรับผลประกอบการทั้งปี 2567 มีรายได้ New High ที่ 1,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% YoY กำไรขั้นต้น 651 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% และ Net Profit 371.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7%

สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 3.6% โดยหลักมาจากการลงทุนเพิ่ม และ ROU ของสิทธิการเช่า หนี้สินเพิ่มขึ้นจากสิทธิการเช่า Equity อยู่ที่ 564.77 ล้านบาท DE Ratio อยู่ที่ 2.63 เท่า แต่หากไม่รวมสัญญาเช่า DE Ratio จะอยู่ที่ 0.85 เท่า บริษัทไม่มีเงินกู้หรือหนี้สินที่ก่อให้เกิดภาระดอกเบี้ย

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รายได้เติบโต 6% และ 5 ปีหลังเติบโตเกือบ 10% กำไรเติบโต 6.25% ใน 10 ปี และเกือบ 10% ใน 5 ปี เป็นการเติบโตที่ยั่งยืน บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% แต่ในอดีตจ่ายไม่ต่ำกว่า 90% โดยปี 2567 จ่ายปันผลครึ่งปีแรก 35 สตางค์ และครึ่งปีหลัง 32 สตางค์ รวมเป็น 67 สตางค์ คิดเป็น Payout Ratio 99.25%

บริษัทเผชิญช่วงที่ผลประกอบการลดลง เช่น ช่วงปี 2559-2560 จากนโยบายรถคันแรก แต่ในภาพรวมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

จากเทรนด์ที่ผ่านมา ปี 2567 เป็นปีที่รายได้ New High เพิ่มขึ้น 5% แม้ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น 4.4% แต่ยังน้อยกว่ารายได้ Gross Profit ยังอยู่ที่ 50.5% และ Net Profit Margin 28.5% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

บริษัทมุ่งเน้นการทำธุรกิจเดิมให้ดีขึ้น พัฒนาบุคลากร ระบบ และ Facilities ต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าและรักษามาตรฐานการบริการ

ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 41:25]

  • การทำประกันภัยคลังสินค้า

    บริษัททำประกันภัยคลังสินค้า 43 แห่ง ครอบคลุมรถยนต์สูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม โดยมีรายละเอียดปลีกย่อยในแต่ละกรณี บริษัทประกันจะไม่ค่อยให้ความคุ้มครองในกรณีน้ำท่วม แต่บริษัทก็ยังมีประกันในส่วนนี้อยู่บ้าง ไฟไหม้หรือสูญหายขึ้นอยู่กับเคสที่เกิดขึ้น โดยมีวงเงินประกันเป็นภาพรวมและรายสาขา คำนวณจากปริมาณรถที่จอดสูงสุดในแต่ละคลังสินค้า

  • รายได้ต่อรถหนึ่งคัน

    รายได้ต่อรถหนึ่งคันในกรณี Off-Live, Off-Bid และการประมูลที่ลานประมูลมีค่าเท่ากัน เพราะมีการประมูล Offline และ Online พร้อมกัน ค่าดำเนินการจึงเท่ากัน การมี Off-Live ช่วยลดจำนวนพนักงานที่ดูแลลูกค้าในหน้าลาน เนื่องจากลูกค้าบางส่วนไม่จำเป็นต้องมาที่หน้าลาน Ratio ของ Off-Live เพิ่มขึ้นจาก 5-10% เป็น 70% ทำให้พนักงานที่หน้าลานดูแลลูกค้าได้ดีขึ้น

  • ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน

    บริษัทไม่ได้พยายามดึงสินค้ามาในระยะสั้น แต่พยายามทำ Service ที่ดี ดูแลลูกค้าให้ดี เพื่อผลในระยะยาว

  • รายได้จากการประมูลอสังหาริมทรัพย์

    บริษัทมีวิธีการประมูลหลากหลาย ขึ้นอยู่กับ Requirement ของลูกค้า Model การรับรายได้ก็แตกต่างกัน บริษัทมองในระยะยาวว่าจะใช้ Model ไหนเป็นหลัก อสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้เจ้าของทรัพย์ไม่จำเป็นต้องเร่งขาย ทำให้ Penetrate อาจจะไม่ง่ายเท่ากับรถยนต์และจักรยานยนต์

  • คลังสินค้า 43 แห่งเป็นสินทรัพย์ของบริษัทหรือไม่

    คลังสินค้าทั้งหมดเป็นการเช่า โดยแบ่งเป็นเช่าระยะยาวและระยะสั้น หากเช่าระยะยาวจะบันทึกเป็นสิทธิการเช่าและตัดค่าเสื่อม หากเช่าระยะสั้นจะบันทึกเป็นค่าเช่า ค่าเสื่อมราคาและค่าเช่ารวมกันคิดเป็นเกือบ 10% ของรายได้ปี 2567

  • รายได้จาก Auction Financing

    Auction Financing คือ Off-Fin ซึ่งเป็นการต่อยอดจาก Auction ตรงกลาง โดยบริษัททำ Auction as a Service คือรับสินค้ามาจากลูกค้า จอดรอไว้ นำเข้ามาประมูล และเก็บค่า Fee จากผู้ซื้อ บริษัทมองเห็นการต่อยอดธุรกิจโดยอาศัย Partner ที่มีอยู่มากมาย เพื่อช่วย Partner ในการขายสินค้าให้กับลูกค้าที่มีความต้องการ Model ธุรกิจคล้ายกับของเดิมคือ หาผู้ซื้อชนผู้ขาย แล้วหา Deal ที่ดีที่สุดมอบให้ลูกค้าผู้ซื้อ Fee แตกต่างกันไปในแต่ละ Product

  • กำไรสุทธิไตรมาส 4 ต่ำสุดในรอบ 6 ไตรมาส

    ทุกเรื่องมีความเกี่ยวข้องกัน Regulation เปลี่ยนทำให้ Impact เยอะ แต่หากมองใน Long Term Regulation จะ Come and Go เป็นการปิดก๊อกน้ำ น้ำก็ยังไหลเข้ามาอยู่แต่ถูกปิดไว้ เมื่อถึงวันหนึ่งน้ำก็จะเข้าสู่แทงค์น้ำ บริษัทคาดหวังว่าน้ำที่จะไหลเข้ามาจะเป็นน้ำดีในบางส่วนและน้ำเสียในบางส่วน หากมองในระยะยาว NPL เยอะๆ ไม่ได้ดีกับบริษัทเสมอไป อาจจะดีในระยะสั้น แต่บริษัทคาดหวังให้อุตสาหกรรมเติบโตมากกว่า

  • ขั้นตอนการดำเนินงานหลังได้รับรถจากสถาบันการเงิน

    รับรถ ย้ายไปที่ลานประมูล ทำการประมูล และส่งมอบ หากขายไม่ออกจะขายในรอบถัดไป โดยมีบางรอบขายได้ 50-60% หรือ 10-20% แล้วแต่นโยบายของ Finance แต่ Eventually รถแทบทุกคันที่เข้าประมูลจะจบทุกคัน

  • จำนวนรถที่ยึดเข้าลานประมูลในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนหรือไม่

    ในภาพรวมของ Industry ปริมาณน่าจะลดลงเนื่องจากนโยบายของภาครัฐตั้งแต่ปลายปีที่แล้วค่อนข้าง Impact หากดูจากงบของบริษัทใน Q3-Q4 จะเห็นว่าไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะ Regulation ออกมาใหม่ แม้ Q3-Q4 ปีนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะชดเชย Q1 ที่ผ่านมาได้

  • สภาวะการแข่งขันกับลานประมูลอื่น

    การประมูลเรื่อง Pricing War หรือการชนด้วย Strategy มีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ Supply น้อย การแข่งขันจะรุนแรง ทำไมเราต้องพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำไมเราต้องลงทุนในเรื่องการสร้าง Off-Place ใหม่ หรือทำเรื่องเกรดใหม่ ก็เป็นเรื่องของการแข่งขัน เพื่อเราจะต้องมีการพัฒนาการตลอด เพื่อหนีห่างจากคู่แข่ง

  • ปัจจัยที่ทำให้สินทรัพย์เข้าลานประมูลน้อยลง

    NPL ลดลง หรือยอดจัดสินเชื่อน้อยลง ในระยะยาวก็อาจจะมีผลกับการที่สินค้าเข้ามาลานประมูลน้อยลง หากเศรษฐกิจดี ประชาชนมีกำลังชำระหนี้ ทำให้ทรัพย์ถูกยึดเข้ามาลานประมูลน้อยลง บริษัทจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร คือวิธีแก้ไขเราคงไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงกลไกของตลาดได้ แต่บริษัทมองเป็น Long Term การที่เศรษฐกิจดีหรือไม่ดีจะมี Impact กับเราในระยะสั้นกับระยะยาวไม่เหมือนกัน การที่เศรษฐกิจไม่ดีในระยะสั้นเราอาจจะดี หากดูจากกราฟ อาจจะมีช่วงปี 2557 ที่อยู่ดีๆ มันพุ่งสูงขึ้นมา แล้วในปีถัดไปมันค่อยๆ Drop ลง อันนั้นเป็นเหตุเกิดจากว่า สินค้าเข้ามาทะลักเข้ามาในช่วงระยะสั้น พอระยะกลางมันกลับมาสู่ Normal เดิม แต่หากมองใน Long Term แล้วจริงๆ บริษัทยังมี Trend ใน Growth อยู่ แต่ถ้าเกิดเศรษฐกิจดี อาจจะ NPL น้อย แต่แปลว่าอะไร แปลว่า การปล่อยสินเชื่อดี มีการปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ทำให้ระยะยาว ยังมีสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

  • แหล่งสร้างรายได้ตัวใหม่

    จะเป็น Product ที่บริษัททำอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะยังเมื่อเทียบกับรถยนต์จักรยานยนต์ อาจจะยังไม่ใช่ Portion ที่โดดเด่นขึ้นมา 5-10% รถยนต์จักรยานยนต์เราทำมา 33-34 ปี มันโตมาอย่างต่อเนื่อง

  • จะลด SG&A ได้อย่างไร

    ทุกวันนี้ที่เราทำอยู่จริงๆ อ่ะนะครับ คือแน่นอนแหละว่ามันมีส่วนที่มันเพิ่มขึ้นนะครับ แต่ไม่ได้แปลว่า เอ่อ เราไม่มีส่วนที่ลดลงเลยนะครับ คือถ้าเกิดเรา ไม่ได้ทำอะไรเลยเนี่ย ผมเข้าใจว่า SG&A เนี่ยน่าจะ น่าจะสูงกว่านี้อีกเยอะนะครับ คือเรามีการปรับ Process ภายในนะครับ เพื่อ เพื่อ Lean Process บางส่วนนะครับ เพื่อทำให้ Cost บางส่วนลดลง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ที่สุดแล้วเนี่ย เอ่อ Expectation ตลาดเนี่ยมีสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีนะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยบริษัทไม่สามารถปฏิเสธการพัฒนาลงทุนได้นะครับ ก็ต้องมีการพัฒนาลงทุน เพื่อ ทำให้ Supply เนี่ยยังเข้ามาในสู่ตลาดอยู่

  • ทิศทางการเติบโตของบริษัทในภาพระยะยาว

    จริงๆ ภาพระยะยาวครับ เราก็ยังคง Focus ในเรื่องของ Governance นะครับ เราทำเรื่อง ด้านเหรียญ ด้าน เดิมๆ ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ นะครับ อ่า ทำยังไงให้ Service ดี ทำยังไงให้แก้ปัญหาลูกค้าได้ ทำยังไง ให้ ทำยังไงให้ปัญหาไม่ Bounce Back กลับไปหา หาลูกค้าให้ได้มากที่สุดนะครับ เพราะการที่เราทำ Auction as a Service แน่นอนว่าเป็น Third Party นะครับ เป็น เอาท์ซอร์สให้ กับ Finance ต่างๆ ให้กับผู้ขายที่ต้องการโซลูชั่นนะครับ คือ ลูกค้า ใช้ Outsource เค้าต้องไม่ต้องการรู้ รู้สึกถึงปัญหา