สรุป OPPDAY หุ้น ALLY
Oppday
สรุป OPPDAY
ALLY REIT: สรุปผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 พร้อมอัปเดตแผนลงทุนอนาคต
สวัสดีนักลงทุนและผู้ถือหน่วยทุกท่าน เข้าสู่งาน Opportunity Day สำหรับไตรมาส 3 ปี 2568 ของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล (ALLY REIT) โดยในวันนี้ จะสรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมา และให้ข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางของธุรกิจในอนาคต
ALLY REIT เป็นกองทรัสต์ที่มีจุดมุ่งหมายในการลงทุนและปรับปรุงโครงการที่เป็น Mixed-Use ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2562 และจดชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ ALLY ปัจจุบันมี Credit Rating อยู่ที่ BBB+ แนวโน้มคงที่ ณ ไตรมาส 3 มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 8,416 ล้านบาท และมูลค่าสินทรัพย์รวม 13,640 ล้านบาท บริหารงานโดยบริษัท อัลไล รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด และมี SCB Asset Management เป็นทรัสตี
กลยุทธ์และจุดเด่นของ ALLY REIT
ALLY REIT มุ่งเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็น Base-In-Class และอยู่ในหมวด Community Mall ปัจจุบันมี 15 โครงการ เช่น CDC (Flagship), The Crystal บนเส้นเอกมัย-รามอินทรา และราชพฤกษ์ รวมถึงกาดฝรั่ง วิลเลจที่เชียงใหม่ มีพื้นที่ปล่อยเช่ารวม 165,000 ตร.ม. และอัตราการเช่าสูงถึง 93.1%
เน้นกลุ่มผู้เช่าที่เป็น Essential และ Experience ซึ่งเป็นร้านค้าที่ขายประสบการณ์และของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน คิดเป็น 80% ของพื้นที่ปล่อยเช่าทั้งหมด เช่น ร้านอาหาร, Supermarket, Fitness ซึ่งไม่โดน Disrupt จากช่องทางออนไลน์ โครงสร้างค่าเช่าค่อนข้าง Diversify โดยมีค่าเช่าที่เป็น Fix ประมาณ 80% ของผู้เช่า และ 10 อันดับแรกของผู้เช่า คิดเป็น 28% ของผู้เช่าทั้งหมด ช่วยลดความเสี่ยงและกระจายประเภทธุรกิจของผู้เช่า
ผลการดำเนินงานที่น่าเชื่อมั่น
ALLY REIT ให้ผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพในกลุ่ม Community Mall โดยมีอัตราการเช่าอยู่ในระดับสูงมาโดยตลอด ไม่น้อยกว่า 90% ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตจากการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม ซึ่งให้ผลตอบแทนค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับ Sector อื่นๆ และมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างต่ำ
ให้ความสำคัญกับการเติบโตผ่านการเข้าลงทุนในโครงการใหม่ๆ จากเดิมที่มี 2 โครงการ (CDC และ The Crystal เอกมัย-รามอินทรา) จนถึงปี 2568 มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ 15 โครงการ โดยพิจารณาอัตราผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงและ IRR ที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด
จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่เป็นกอง Property Fund จนถึงปัจจุบัน จ่ายไปแล้วประมาณ 7.4 บาทต่อหน่วย (ข้อมูล ณ สิ้นปี 2567) หากรวมกับราคาตลาด ปัจจุบันรวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 12.6 บาทต่อหน่วย ซึ่งค่อนข้าง Outperform เมื่อเทียบกับตลาดใน 10 ปีที่ผ่านมา
การบริหารที่ครบเครื่อง
ALLY REIT มีความเชื่อมั่นในการบริหารที่ครบเครื่อง ทั้งในมุมของนักลงทุนที่มองหาโอกาสลงทุนในทรัพย์สินที่ให้ผลตอบแทนที่ดี และในส่วนของ Operator ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี มี Connection กับผู้เช่ามาโดยตลอด มีความเชี่ยวชาญในการบริหารโครงการ มีการพัฒนา ปรับปรุง และปรับเปลี่ยนผู้เช่า เพื่อผสานจุดแข็งของ Investor และ Operator ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ความมุ่งมั่นด้าน ESG
ALLY REIT มีความมุ่งเน้นด้าน ESG อย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายจะเป็น Net Zero ในปี 2593 ในส่วนของ Social มุ่งเน้นส่งเสริม SME ต่างๆ และในส่วนของ Governance มีความตั้งใจที่จะบริหารงานอย่างโปร่งใสและมีความรับผิดชอบ
สรุปผลการดำเนินงานไตรมาส 3
ณ สิ้นเดือนกันยายน (ไตรมาส 3) อัตราการเช่าอยู่ที่ 93.1% ซึ่งถือว่ามี Momentum ที่ดี และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ (NII) อยู่ที่ 139 ล้านบาท ลดลงเนื่องจากการตั้ง Loss Provision แต่ถ้าดูเฉพาะผลการดำเนินงาน ยังคงที่อยู่ มีการประกาศจ่ายปันผลตอบแทน 0.11 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ในไตรมาส 3 มีพื้นที่ปล่อยเช่าสุทธิ 164,980 ตร.ม. เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในโครงการ T10 แล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม อัตราค่าเช่า 587 บาทต่อ ตร.ม. อายุสิทธิการเช่าโดยเฉลี่ยคงเหลือ 1.5 ปี มีการทำสัญญากับผู้เช่าไปที่พื้นที่ 12,911 ตร.ม. อัตราการต่อสัญญาเช่าของผู้เช่ารายเดิม 92.8% และมีการปรับขึ้นค่าเช่า 6.6% ปริมาณรถยนต์ที่เข้ามาในทุกศูนย์รวมกันประมาณ 4.4 ล้านคัน
อัตราการเช่าและอัตราค่าเช่าค่อนข้าง Stable มาโดยตลอด โดยในไตรมาส 3 อยู่ที่ 587 บาทต่อ ตร.ม. และมีอัตราการเช่า 93.1% ในปี 2568 มีการต่อสัญญาไปแล้วกว่า 65% โดยรวมสามารถต่อสัญญาเช่าได้ไม่เคยต่ำกว่า 90% มีผู้เช่ารายใหม่ๆ เข้ามาเช่าพื้นที่ เช่น If and Boy, สุกี้ตี๋น้อย รวมถึง Event และกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง
ภาพรวมงบการเงิน
- มูลค่าสินทรัพย์รวม 13,592 ล้านบาท ปรับลดลงเล็กน้อย
- หนี้สินรวม 5,019 ล้านบาท ปรับลดลงจากการทยอยจ่ายคืนเงินต้น
- มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 8,573 ล้านบาท หรือ 9.8074 บาทต่อหน่วย
- Gearing Ratio 27%
- รายได้รวม 396 ล้านบาท (งวด 9 เดือน ปิดที่ 1,178 ล้านบาท)
- ค่าใช้จ่าย ไตรมาส 3 อยู่ที่ 257 ล้านบาท (งวด 9 เดือน อยู่ที่ 741 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ
- กำไรจากการลงทุนสุทธิ (NII) 140 ล้านบาท ปรับลดลงเล็กน้อย (งวด 9 เดือน ปิดที่ 437 ล้านบาท)
- ประกาศจ่ายประโยชน์ตอบแทน 0.110 บาทต่อหน่วย (มูลค่าการจ่าย 96 ล้านบาท)
- งวด 9 เดือน ประกาศจ่ายปันผล 0.3320 บาทต่อหน่วย
การบริหารจัดการเงินทุน
- ปี 2568 ทยอยคืนเงินต้น 153 ล้านบาท
- สิ้นสุดสัญญาให้สินเชื่อปี 2572
- วงเงินให้สินเชื่อ 4,405 ล้านบาท Drawdown ไปแล้ว 3,831 ล้านบาท
- เหลือวงเงินกู้ที่เบิกได้ 193.8 ล้านบาท
- Gearing 0.27
- ต้นทุนเฉลี่ย 4.9%
ประกาศจ่ายประโยชน์ตอบแทน 0.1100 บาทต่อหน่วย (มูลค่าการจ่าย 96.2 ล้านบาท) กำหนดการปิดสมุดทะเบียน 26 พฤศจิกายน กำหนดจ่าย 25 ธันวาคม คิดเป็นอัตราประโยชน์ตอบแทน 10.3% (เทียบกับราคาตลาดเมื่อ 28 พฤศจิกายน ที่ 4.3 บาทต่อหน่วย)
แผนการเข้าลงทุน
ปี 2568-2569 ยังคง Active อย่างต่อเนื่อง มี 5 โครงการที่ตรงกับกลยุทธ์ IRR ประมาณ 8-11% ทุกโครงการต้องให้ผลประกอบการที่เป็นบวก เป็น Community Mall ที่เป็น Base-In-Class เป็น Leasehold 20 ปีขึ้นไป หรือเป็น Freehold สามารถเพิ่มเติม ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงผู้เช่าได้
ปี 2568 จะมีโครงการ Village Hub สายไหม คาดว่าจะเข้าลงทุนในเดือนธันวาคม ปี 2569 มีรายการที่เปลี่ยนแปลงไป คือ โครงการ CDC ที่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการเข้าลงทุน โดยใช้แหล่งเงินทุนจากสัญญาให้สินเชื่อ เปลี่ยนจากการขยายสิทธิการเช่าเป็นการ Renovate พื้นที่อาคารบางส่วน และได้อายุสิทธิการเช่าเพิ่มอีก 5 ปี
อีก 3 โครงการ คือ The Zone, สายไหม Avenue และ ชาน@The Venue ได้รับอนุมัติจากบอร์ดแล้ว อยู่ระหว่างการยื่น Filing คาดว่าจะเข้าลงทุนในช่วงประมาณปี 2569 (มูลค่าประมาณ 1,570 ล้านบาท)
นอกจากการลงทุนใหม่ๆ แล้ว ยังตั้งใจจะลงทุนใน CAPEX เพื่อปรับปรุงโครงสร้าง ยกระดับโครงการ มุ่งเน้นการยกการมองเห็นและประสบการณ์การใช้บริการบนพื้นที่ศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนา Placemaking หรือสร้างจุดดึงดูดของแต่ละโครงการ โดยมีเป้าหมายในการกระตุ้นการเข้าใช้บริการและเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน
Business Outlook
สถานการณ์โดยรวมยังมีความท้าทายในภาพของเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยยังคงอยู่ที่ประมาณ 1.5% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 0.9% อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยที่ต่ำและเงินเฟ้อที่ลดลง จะส่งผลดีต่อการบริหารต้นทุนของกองทรัสต์ โดยกลยุทธ์ในช่วงสิ้นปี 2568 มุ่งเน้นการขยายพอร์ต ลงทุนในทรัพย์สินโครงการที่มีศักยภาพ เน้นการปรับปรุงทรัพย์สินในพอร์ตเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า และเน้นการจัดสรรผู้เช่า รวมถึงกิจกรรม Event ต่างๆ ให้เหมาะสม เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน
Guidance และ Outlook
- งบลงทุนที่ใช้ไป ปัจจุบัน 23.6 ล้านบาท
- อัตราการเช่า 93.1%
- การเติบโตของรายได้ -2.9%
- NII Margin 93%
- การชำระคืนเงินกู้ (ไตรมาส 3) 114 ล้านบาท
- งบลงทุนทั้งปี 30-50 ล้านบาท
- อัตราการเช่า คาดว่า 93-94%
- รายได้หลัก ทรงตัว Stable
- NII Margin คาดการณ์ 35-37%
- การชำระเงินกู้สำหรับปี 2568 ประมาณ 153 ล้านบาท
ไฮไลท์ด้าน ESG
ยังคงดำเนินงานเพื่อสอดคล้องกับกรอบ UN โดยมุ่งเน้นเป้าหมายในด้านของการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ คุณภาพแรงงาน เมืองและชุมชนที่อยู่โดยรอบศูนย์การค้า ความรับผิดชอบทางสังคม รวมถึงการรับมือที่สภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 16,000 กิโลกรัม (ปี 2567) และเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 กิโลกรัม (ปี 2568) สะท้อนประสิทธิภาพการลดคาร์บอนที่ดีกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ผลที่ได้รับจากการตั้งเป้าหมายและเป็นไปตาม Target เกิดจากหลายๆ โครงการที่เกี่ยวกับด้านความยั่งยืน เช่น Solar Rooftop, EV, การกำจัดขยะ หรือพลังงานต่างๆ ที่ได้เข้าร่วมโครงการและมีเจตนาที่จะทำอย่างต่อเนื่อง
Community และความรับผิดชอบ
เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญที่สะท้อนแนวทางการดำเนินงานที่อยากจะสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อชุมชน ผู้เช่า พนักงาน รวมถึงการกำกับดูแลอย่างโปร่งใส เพื่อสร้างความแข็งแกร่งการเติบโตในระยะยาวของกองทรัสต์
ให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนโดยรอบผ่าน 4 แนวทางหลัก สนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่น รับบทบาทเป็นพันธมิตรกับผู้เช่า ร่วมกันพัฒนาการดำเนินงาน จัดกิจกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน และให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย รวมถึงสนับสนุนสุขภาวะที่ดีของพนักงาน
ในด้านธรรมาภิบาล ดำเนินงานภายใต้หลักความโปร่งใสและมาตรฐานสากล โครงสร้างการกำกับดูแลที่เข้มแข็ง เข้าร่วมโครงการต่อต้านคอร์รัปชัน ดำเนินงานอย่างโปร่งใส คณะกรรมการมีความหลากหลาย มีความอิสระในการกำกับดูแลด้วยความเป็นมืออาชีพ ยึดตามกรอบการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุม รองรับความผันผวน และปกป้องประโยชน์ของผู้ลงทุน
Q&A Session (เริ่มในนาทีที่ 39:10)
คำถามเกี่ยวกับการชำระคืนเงินกู้ของกองทรัสต์:
ในปี 2568 คิดเป็นต่อหน่วยประมาณ 0.04 บาทต่อหน่วย และในปีหน้าจะ Stepped ขึ้นไปเป็น 0.05 บาทต่อหน่วย มีการพยายามเจรจาการปรับงวดของการผ่อนคืนเงินต้น เพื่อรักษาประโยชน์ของผู้ถือหน่วยที่จะได้รับรู้ในแง่ของผลประโยชน์ตอบแทนที่เป็นในรูปของ Performance ที่ศูนย์ทำได้
คำถามเกี่ยวกับกำไรจากการลงทุนสุทธิในไตรมาสนี้:
ที่อาจจะปรับลดลงเพราะมีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ หลักๆ มาจากโครงการที่กลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ช่วงโควิด แล้วเข้านโยบายในเรื่องของเกณฑ์การตั้งหนี้ ทำให้ในทางบัญชีมีการบันทึกการรับรู้เข้าไป แต่ในแง่ของการเก็บหนี้ยังเก็บได้ปกติ โดยถ้าหนี้ที่เก็บได้จะบันทึกเข้าสู่ Other Income ซึ่งจะเป็นในส่วนที่จะไปเพิ่มของรายได้รวมให้กับงบการเงิน
คำถามเกี่ยวกับการตั้งหนี้:
อาจจะไม่ ได้เป็นในทุกๆ ไตรมาสจะเป็นก้อนที่ตั้งเนื่องจากเข้าเกณฑ์ตามมาตรฐานบัญชีและตามนโยบายที่กำหนด ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้เห็นมีการตั้งหนี้ก้อนนี้ค่อนข้างมาก เพราะยังไม่ได้เข้าเกณฑ์หรือมาตรฐานทางบัญชี แต่ว่าถ้าในอนาคตมีกรณีนี้เกิดขึ้น ก็อาจจะได้พบตัวเลขนี้ ทางกองทรัสต์จะอธิบายและรายงานอยู่ใน MD&A ของงบการเงินในแต่ละไตรมาสให้นักลงทุนรับทราบอีกครั้ง
คำถามเกี่ยวกับ Occupancy ที่ดีขึ้นจากโครงการ Perranee หรือว่าตัวสามกร ลามคำแหง:
มองว่าฐานรายได้จะกลับมาเท่าไหร่ใน 1-2 ไตรมาสข้างหน้า ถ้าจากเฉพาะ 2 โครงการนี้คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 100,000-200,000 บาทต่อเดือน หรือประมาณ 600,000 บาทต่อไตรมาส ขึ้นอยู่กับสัญญาเช่า อัตราค่าเช่า และอัตราการเช่าในช่วงขณะนั้น มีโอกาสที่จะ Recover กลับมาดีได้ และดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา
คำถามเกี่ยวกับตัวอัตราค่าเช่าที่มองว่าค่อนข้าง Flat:
ปีหน้าคาดว่ามีการปรับขึ้นไหม โดยของไตรมาสนี้ที่ผ่านมา การปรับขึ้นของค่าเช่าของสัญญาเดิม อยู่ที่ประมาณ 6.6% ถ้าเทียบกับช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา จะอยู่ในระดับประมาณ 5-10%
คำถามเกี่ยวกับประโยชน์ตอบแทน:
ที่ มีการประกาศจ่ายออกมา ในอัตรา 0.110 บาทต่อหน่วย เป็นไปตามเป้าหมายที่กองทรัสต์ได้ประมาณการไว้ ซึ่ง 0.11 บาทต่อหน่วย เป็นการพิจารณาจ่ายภายหลังจากที่มีการปรับปรุงกำไรสุทธิ คือจะไม่ ได้รวมรายการที่ไม่ใช่เงินสด และรายการสำรองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัว CAPEX เอง หรือว่าจะเป็นตัวของการทยอยคืนเงินต้น ที่ทุกท่านพอทราบอยู่ว่า Proportion ในส่วนของการทยอยคืนเงินต้นอาจจะค่อนข้างกระทบกับอัตราการจ่ายในช่วงที่ 2 ปีที่ผ่านมา
การที่ประโยชน์ตอบแทนที่อาจจะลดลง กรณีถ้าไม่ได้มีการเข้าลงทุนในทรัพย์สินอื่นเพิ่มเติม จะเป็นไปตามสัดส่วนที่สิ่งที่จะกระทบก็คือจะเป็นในเรื่องของการทยอยคืนเงินต้น กรณีถ้าเป็นสัญญาเดิม แต่ว่าโอกาสที่จะขึ้นไประดับเดิมไหม จะขึ้นอยู่กับทรัพย์สิน หรือว่าโอกาสในการเข้าลงทุนใหม่ๆ เช่นเดียวกัน
คำถามเกี่ยวกับแผนการเข้าลงทุนในโครงการใหม่ๆ 5 โครงการ:
บอร์ดมีการ Approve ไปแล้วทุกโครงการ ซึ่ง Village Hub สายไหม อาจจะได้รับรู้รายได้ตามที่คาดการณ์ไว้ คือช่วงประมาณเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ กรณีถ้าเข้าลงทุนในเดือนธันวาคมแล้วเสร็จ แต่ อย่างของตัว CDC ที่มีการปรับรูปแบบของการเข้าลงทุนที่นอกเหนือไปจากการขยายสิทธิการเช่า เราไม่ได้มีการลงทุนในพื้นที่เพิ่มเติม ดังนั้นแล้วกระแสรายได้ หรือว่าการรับรู้รายได้ ก็ยังจะเป็นไปตามเดิม อีก 3 โครงการสุดท้าย อยู่ระหว่างการยื่น Filing ซึ่ง Timeline ที่จะเข้าลงทุนประมาณการไว้ว่าช่วงประมาณครึ่งหลังของปี 2569
คำถามเกี่ยวกับโครงการ 111 ประดิษฐ์มนูธรรม:
มีแนวโน้มที่จะกลับเข้ามาลงทุนอีกเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และก็สภาวะของตลาดอาคารสำนักงานที่เหมาะสมอีกครั้ง เพื่อประโยชน์ต่อผู้ถือหน่วยในการที่จะไปเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม
คำถามเกี่ยวกับเงินปันผล:
มีแนวโน้มจะลดลงต่ำกว่า 0.11 บาทต่อหน่วยไหมในอนาคต โดยปกติถ้าไม่ได้ลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม และมีการทยอยคืนชำระเงินต้นไปเรื่อยๆ รายได้ของกองทรัสต์ก็มาจากผลการดำเนินงานในแต่ละไตรมาสที่รายงานและ Update ให้ผู้ถือหน่วยรับทราบ ทางผู้บริหารหรือว่าผู้จัดการกองทรัสต์ อยากให้ผลตอบแทนที่ออกไปจากกองอัลไลรีด เหมือนมีความให้ประโยชน์และให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นหลัก ในแง่ของการจ่าย เราจ่ายตามเกณฑ์ ก็คือไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว เมื่อเทียบกับงวดผลการดำเนินงานนั้นๆ
สรุป
ALLY REIT ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพย์สินที่มีอยู่ การลงทุนในทรัพย์สินใหม่ที่มีศักยภาพ และการดำเนินงานตามหลัก ESG เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยและสร้างคุณค่าให้กับชุมชนโดยรอบ
หัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบในคลิป:
- การชำระคืนเงินกู้
- กำไรจากการลงทุนสุทธิ
- การตั้งหนี้
- Occupancy ที่ดีขึ้น
- อัตราค่าเช่า
- ประโยชน์ตอบแทน
- แผนการเข้าลงทุน
- โครงการ 111 ประดิษฐ์มนูธรรม