สรุปงบล่าสุด A

บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการ บมจ. อารียา พรอพเพอร์ตี้ และวิเคราะห์โอกาสการลงทุน
บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการปี 2567 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความท้าทายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยมีรายได้รวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 1,352.27 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 2,639.11 ล้านบาทในปีก่อนหน้า ส่งผลให้บริษัทขาดทุนสุทธิ 426.45 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 374.29 ล้านบาทในปี 2566 รายได้หลักที่ลดลงมาจากยอดขายบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ที่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากการชะลอตัวของกำลังซื้อและเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยโครงการที่เปิดใหม่ได้เริ่มเปิดการขายแล้ว และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2570
บริษัทมีแผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตที่มุ่งเน้นการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป โดยอาจมีการทบทวนแผนการลงทุนในโครงการใหม่ๆ และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน นอกจากนี้ การมุ่งเน้นพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน และการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทสามารถฟื้นตัวและกลับมาเติบโตได้ในอนาคต
การพิจารณาว่าหุ้น AREEYA เป็นโอกาสในการลงทุนหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยปัจจุบัน บริษัทกำลังเผชิญกับความท้าทายในการสร้างรายได้และทำกำไร แม้ว่าบริษัทจะมีอัตราส่วน P/BV อยู่ที่ 1.81 แต่ P/E ติดลบ (-100) สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ยังไม่สามารถทำกำไรได้ในขณะนี้ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่ 0% แสดงว่าผู้ถือหุ้นยังไม่ได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลในปัจจุบัน นอกจากนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงหากบริษัทไม่สามารถบริหารจัดการหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานเป็นบวก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการสร้างเงินสดจากการดำเนินงาน
**โอกาส:**
* การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอนาคต อาจส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคกลับมา และช่วยกระตุ้นยอดขายของบริษัท
* การพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า อาจช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว
**ความเสี่ยง:**
* ภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
* การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ อาจทำให้บริษัทต้องใช้จ่ายมากขึ้นในการทำการตลาดและส่งเสริมการขาย
* อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อาจทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทเพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบต่อกำไร
**ข้อมูลการเงินเพิ่มเติมสำหรับการวิเคราะห์:**
* **ลักษณะธุรกิจ:** ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แบ่งเป็น 3 ประเภท (โครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม) และธุรกิจศูนย์การค้า (Pickadaily Bangkok)
* **ราคาหุ้นเฉลี่ย:** ราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 อยู่ที่ 4.79 บาท
* **อัตรากำไรสุทธิ:** อัตรากำไรสุทธิยังคงติดลบ แสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการทำกำไรของบริษัท
* **วงจรเงินสด:** วงจรเงินสดติดลบ บ่งชี้ว่าบริษัทอาจต้องใช้เวลาในการเก็บหนี้และระบายสินค้าคงคลัง
(20.62%)
(57.98%)
(29.10%)
(52.40%)
(10.67%)
(13.32%)
(6.88%)
(30.62%)
(74.36%)
(73.16%)
(190.54%)
(522.08%)