A
บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2567

สรุปสั้น

ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล


ผู้เขียน

สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ "บริษัท" ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 โดยบริษัทมีขาดทุนสุทธิและขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 จำนวน 22.9 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2566 มีขาดทุนสุทธิและขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 จำนวน 224.0 ล้านบาท และ 180.914 ล้านบาท ตามลำดับ และมีขาดทุนสุทธิและขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันเดียวกัน จำนวน 118.8 ล้านบาท และ -84.2 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง โดยเฉพาะรายได้จากการขายทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยว รวมถึงห้องชุด เนื่องจากกําลังซื้อที่น้อยลงของลูกค้าและการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารแก่ลูกค้ารายย่อยมีความเข้มงวดมากขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีการปรับตัวสูงขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของลูกค้าและส่วนของอาคารชุดในปีนี้ยังไม่มีโครงการใหม่ที่พร้อมจะโอนให้แก่ลูกค้า โดยโครงการที่เปิดใหม่ได้เริ่มเปิดการขายแล้วแต่ยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง

สำหรับแผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคต บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพในทำเลศักยภาพ และมีการปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 โดยคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์การเมืองในประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวและจะดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

จากผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่บริษัทต้องเผชิญ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมี D/E ต่ำกว่า 1 แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีภาระหนี้สินที่ต่ำ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ และยังมีโอกาสในการเติบโต โดยบริษัทสามารถขยายขนาดของกิจการหรือลงทุนในโครงการต่างๆ โดยการกู้เงินได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทมี P/E มากกว่า 35 สะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนในระดับสูง นอกจากนี้ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนของบริษัท "ติดลบ" แสดงให้เห็นว่าบริษัทนำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ ซึ่งอาจส่งผลให้ความสามารถในการจ่ายเงินปันผลลดลง โดยบริษัทมี YIELD น้อยกว่า 4% ทำให้ไม่น่าสนใจสำหรับการลงทุนเพื่อรับเงินปันผล วงจรเงินสด "ยิ่งน้อยหรือติดลบ ยิ่งดี" เพราะสะท้อนถึงการมีประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและสามารถเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้าได้ ก่อนที่จะต้องจ่ายเงินสดนั้นออกไปให้กับเจ้าหนี้การค้าหรือนำไปจ่ายหนี้ ทำให้มีเงินสดมาใช้หมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจได้อย่างเพียงพอ เช่น การลงทุน การจ่ายเงินปันผล การจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ จากข้อมูลเหล่านี้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการลงทุนระยะยาวและมีความอดทนสูง

**โอกาส**

* บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
* บริษัทมีโอกาสในการเติบโต
* บริษัทมีศักยภาพในการลงทุนในโครงการต่างๆ

**ความเสี่ยง**

* ภาวะเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์การเมืองในประเทศ
* กำลังซื้อของลูกค้าลดลง
* การอนุมัติสินเชื่อของธนาคารมีความเข้มงวดมากขึ้น
* อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวสูงขึ้น


รายได้รวม
491.52 ล้านบาท
121.92ล้านบาท
(32.99%)
ไตรมาสก่อนหน้า
87.50ล้านบาท
(15.11%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรขั้นต้น
188.75 ล้านบาท
62.00ล้านบาท
(48.91%)
ไตรมาสก่อนหน้า
68.18ล้านบาท
(56.54%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรขั้นต้น(%)
38.40 ล้านบาท
4.11ล้านบาท
(11.99%)
ไตรมาสก่อนหน้า
17.58ล้านบาท
(84.44%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
ค่าใช้จ่ายรวม
172.35 ล้านบาท
23.72ล้านบาท
(15.96%)
ไตรมาสก่อนหน้า
6.21ล้านบาท
(3.48%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตราค่าใช้จ่าย(%)
35.06 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรสุทธิ
-22.84 ล้านบาท
48.04ล้านบาท
(67.77%)
ไตรมาสก่อนหน้า
95.94ล้านบาท
(80.77%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรสุทธิ(%)
-4.65 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กระแสเงินสด
107.55 ล้านบาท
24.43ล้านบาท
(29.39%)
ไตรมาสก่อนหน้า
9.15ล้านบาท
(7.84%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล