บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
PSH กำไร Q2/25 ยังต่ำกว่าปกติ KSS คงคำแนะนำ Reduce ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท
P/E -100.00 YIELD 5.65 ราคา 3.72 (0.00%)
Krungsri Securities (KSS) วิเคราะห์ผลประกอบการของ บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) โดยมีมุมมอง Slightly negative ต่อกำไรสุทธิ Q2/25 ที่ 76 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษจะมีกำไรปกติ 32 ล้านบาท โบรกเกอร์คงราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 4.50 บาท พร้อมคำแนะนำ Reduce เนื่องจากกังวลต่อการเสียส่วนแบ่งการตลาดและอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่สูง
รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ยังอยู่ในระดับต่ำ
KSS รายงานว่ากำไรสุทธิ 2Q25 ของ PSH อยู่ที่ 76 ล้านบาท (-76% y-y, +479% q-q) หากไม่รวมกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยน จะมีกำไรปกติที่ 32 ล้านบาท (-88% y-y, +60% q-q) ซึ่งใกล้เคียงกับที่ KSS คาดการณ์ไว้ กำไรปกติที่ต่ำมีสาเหตุหลักมาจากการโอนที่อยู่อาศัยที่น้อยลงตามกำลังซื้อของลูกค้ากลุ่มกลาง-ล่างที่ลดลง และอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่สูง นอกจากนี้ ธุรกิจโรงพยาบาลยังคงขาดทุนประมาณ 40 ล้านบาทในไตรมาสนี้
คาดกำไรสุทธิ 3Q25F ลดลง y-y, ดีขึ้น q-q; กำไรสุทธิ 2025F มีโอกาส downside
KSS คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิ 3Q25F จะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่จะดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าปกติ โดยคาดว่าการโอนจะยังคงถูกกดดันจาก backlog ที่ต่ำ และ % GPM ที่ยังต่ำกว่าปกติ ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิ 4Q25F จะดีที่สุดในรอบปี เนื่องจากมีคอนโดใหม่ 4 โครงการเข้ามาโอน มูลค่ารวม 10.0 พันล้านบาท (take-up rate = 25%)
ข้อสังเกตุและประเด็นสำคัญ
KSS ให้ข้อสังเกตว่ารายได้รวมใน 2Q25 อยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท (-46% y-y, -18% q-q) โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากที่อยู่อาศัย โรงพยาบาล และก่อสร้าง ที่ 79% : 19% : 2% รายได้จากกลุ่มที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท (-53% y-y, -21% q-q) ลดลงมากทั้งกลุ่ม low-rise และ condo ตามกำลังซื้อที่ลดลงมากและผลกระทบจาก reject rate ที่สูง รวมถึงกลุ่ม condo ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ในขณะที่รายได้จากกลุ่มโรงพยาบาลดีขึ้นเล็กน้อย +3% y-y
คง TP25F ที่ 4.50 บาท/หุ้นคงคำแนะนำ Reduce
KSS คงราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 4.50 บาท พร้อมคำแนะนำ Reduce เนื่องจากกังวลต่อ PSH จากตลาดล่างที่ยอดขาย/ยอดโอนชะลอตัวมากกว่ากลุ่มอื่น ในขณะที่การเสียส่วนแบ่งการตลาดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาทำให้การกลับมา turnaround เป็นไปได้ยาก แนวโน้มกำไรในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าคาดยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติ