บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
WICE โชว์ผลงาน Q1/2568 กำไรพุ่ง 45% ทะยานสู่ 56 ล้านบาท!
P/E 21.19 YIELD 5.83 ราคา 2.40 (0.00%)OK ครับ จัดให้ตามคำขอครับ
WICE โชว์ผลงาน Q1/2568 กำไรพุ่ง 45% ทะยานสู่ 56 ล้านบาท!
สวัสดีครับ ท่านนักลงทุนและสื่อมวลชนทุกท่าน วันนี้ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ขอสรุปผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2568 และนำเสนอแนวโน้มและแผนการดำเนินธุรกิจ
ขอขอบคุณตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ให้โอกาสบริษัทได้เข้าร่วมงาน Oppday ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่บริษัทจะได้ให้ข้อมูลและชี้แจงประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลการดำเนินงานในปี 2568
ขอแนะนำผู้บริหารที่เข้าร่วมให้ข้อมูลในวันนี้
- คุณชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการส่วนงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มบริษัท
- คุณบุษรินทร์ ต่วนชะเอม ผู้อำนวยการกลุ่มงานบัญชีและการเงิน
ขอเรียนเชิญผู้บริหารเริ่มให้ข้อมูลครับ
บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ ดำเนินการมาปีนี้เป็นปีที่ 32 แล้ว เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกระหว่างประเทศแบบครบวงจร ให้บริการทั้งการขนส่งทางทะเล ทางอากาศ และทางบก รวมทั้งงานซัพพลายเชนโซลูชั่นต่างๆ ให้กับลูกค้าแบบครบวงจร ปัจจุบันมีเครือข่ายในเอเชีย 16 สาขา ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจรในทุกโหมดของการขนส่ง
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ไฮไลท์ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา:
คุณบุษรินทร์ ต่วนชะเอม จะรายงานผลประกอบการทางด้านการเงิน
รายได้จากการบริการมีจำนวนเท่ากับ 1,060 ล้านบาท เมื่อเทียบ year-on-year เติบโต 10.1% และ Q on Q อยู่ที่ 13.8% โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากในส่วนงานซัพพลายเชนโซลูชั่น โดย Q on Q เพิ่มขึ้น 26% และ year on year เพิ่มขึ้น 35% จากการให้บริการ On-site Service ซึ่งมีการทำสัญญาระยะยาวกับลูกค้า โดยล่าสุดมีการทำ On-site Service มีพื้นที่ให้บริการที่ขอนแก่นประมาณ 20,000 ตารางเมตร
Cross Border Service มีรายได้เพิ่มขึ้นมา Q on Q เพิ่มขึ้น 28% และ year on year เพิ่มขึ้น 18% สำหรับ Cross Border รายได้เพิ่มขึ้นจากการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งมีการเติบโตตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสนี้
สัดส่วนรายได้สำหรับไตรมาส 1/2568 มีรายได้ในสัดส่วนของ Sea Freight สูงสุด 31%, Cross Border 29%, Supply Chain Solution 21% และ Air Freight 19%
Gross profit ไตรมาส 1/2568 เท่ากับ 199 ล้านบาท เพิ่มขึ้น year on year 7.9% และ Q on Q เพิ่มขึ้น 101% โดย Gross profit margin เท่ากับ 19% ใกล้เคียงกับปีก่อน และทำได้ดีกว่าไตรมาส 4/2567 ซึ่งมี Gross profit margin อยู่ที่ 11%
สัดส่วนกำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/2568 มีสัดส่วน Sea Freight 40%, Cross Border 24%, Supply Chain Solution 17% และ Air Freight 19%
Net profit สำหรับไตรมาส 1 อยู่ที่ 56 ล้านบาท year on year เพิ่มขึ้น 45.7% และ Q on Q เพิ่มขึ้น 267% ความสามารถในการทำกำไร Net profit margin อยู่ที่ 5.99% ปรับดีขึ้นจากปี ก่อนและปรับดีขึ้นจากไตรมาส 4/2567
ยอดขายเพิ่มขึ้นมาและ Gross profit เพิ่มขึ้นตามยอดขาย หลักๆ มาจากตัว Gross profit margin ใน Segment หลักๆ ของบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น
กำไรสุทธิถ้าเทียบกับไตรมาส 4 ปีที่แล้วมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 267% โดยเกิดจากตัวรายได้ที่เพิ่มขึ้น และตัว Gross profit เพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง เกิดจากความสามารถในการทำกำไรในไตรมาส 1 เอง Gross profit margin ดี 19% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 อยู่ที่ 11% ประกอบกับในไตรมาส 1 มีค่าใช้จ่ายในการบริหารเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีที่แล้วลดลง โดยในไตรมาส 4 ปีที่แล้วมีการตั้งประมาณการหนี้สงสัยจะสูญ ลุงหนี้เงินให้กู้ยืม 100% เลยทำให้ Admin cost ลดลง สำหรับไตรมาส 1 ปีนี้
Asset ของบริษัทปีนี้มีจำนวนเท่ากับ 2,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% โดย Asset ที่เพิ่มขึ้นจะเกิดจากเงินสดที่เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมดำเนินงานของบริษัท ประกอบกับบริษัทมีการซื้อเงินลงทุนในหลักทรัพย์ระยะสั้นเพิ่มขึ้น
Liability มีจำนวนเท่ากับ 1,083 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา 8.7% โดย Liability ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากเจ้าหนี้ที่เพิ่มขึ้น แปรผันตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ยอดขายที่เพิ่มขึ้น
ส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวนเท่ากับ 1,776 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% เกิดจากผลกำไรสุทธิของบริษัท
Key Financial Ratio: Current Ratio เท่ากับ 2.11 เท่า และ Debt to Equity Ratio อยู่ที่ 0.77 เท่า บริษัทก็ยังคงมีสภาพคล่อง และมีศักยภาพในการลงทุนค่อนข้างสูง
ระยะเวลาในการเก็บหนี้อยู่ที่ 81 วัน และ Payment Period อยู่ที่ 65 วัน Cash Cycle อยู่ที่ 16 วัน Ratio ดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์การควบคุมของบริษัทตามกลยุทธ์ด้านการขายของบริษัท
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
คุณชูเดช คงสุนทร จะกล่าวถึง Strategic Direction และ Outlook ไตรมาส 2/2568
Container Freight Index เห็นได้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมา Freight มีการลดลงอย่างต่อเนื่อง คิดว่าน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ช่วงต้นปีนี้ Freight ก็เริ่มขยับขึ้น ประกอบกับปัญหาเรื่อง Tariff ในอเมริกา คิดว่าน่าจะเป็นตัวผลักดันให้ค่า Freight มีแนวโน้มปรับขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ของปี นี้
Wise มองว่าตลาดในเอเชียแปซิฟิกสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง แม้ว่าจะมี ความท้าทายเรื่องเกี่ยวกับ Tariff Tax ในอเมริกา แต่ด้วยนโยบาย China Plus One และการทำตลาดในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นพวก FTA และพวกข้อตกลงการค้า กลุ่มการค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น RCEP พวกนี้ น่าจะผลักดันให้การค้าในภูมิภาคเอเชียยังเติบโตอยู่
ประเทศไทยเองก็พยายามที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเติบโตในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะส่งเสริมการลงทุนในเขต EEC รวมทั้งการที่เข้าไปเป็นส่วนร่วมในพวก Supply Chain ในหลายๆ Industry ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของอิเล็กทรอนิกส์ และ Cold Chain ต่างๆ
Wise มีนโยบายที่จะเติบโตในภูมิภาคนี้ไปพร้อมกับการเติบโตของตลาดในเอเชียด้วยกัน โดยมุ่งเน้นเรื่องการขยาย Network และการให้บริการในภูมิภาคนี้แบบครบวงจร
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
ตามแผน 3 ปีข้างหน้า Wise จะมุ่งเน้นในการให้บริการที่เป็นลักษณะ Go Green Logistics คำว่า Green Logistics คือการทำ Logistics Solution ให้กับลูกค้า โดยมุ่งเน้นที่จะช่วยลดในส่วนของคาร์บอน เป็นโปรเจคที่เราทำร่วมกับลูกค้าหลายราย และคิดว่าจะมีการทำมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต
อีก Strategy หนึ่งที่ Wise ให้ความสำคัญ คือการนำ Digital Platform มาช่วยในการทำงาน เพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่ม Productivity ในการให้บริการกับลูกค้า สร้างความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งการเพิ่ม Market Share ในอนาคต
Strategy ถัดไป คือการ Synergy กันในกลุ่ม และ Leverage พวก Network ที่เรา Set up ไว้ในต่างประเทศ โดยการทำ Industry Vertical ร่วมกัน
Wise มีความสามารถในการแข่งขันในบางอุตสาหกรรมที่เรา Focus ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเซมิคอนดักเตอร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วน Auto part รวมทั้งของที่เป็นพวก Home Appliance และพวก Food ต่างๆ
Digital literacy คือการสร้างให้คนของเรามีความรู้ในเรื่องของการใช้ การนำ Digital มาใช้ในงานมากขึ้น รวมทั้งการปรับปรุงเรื่อง Process ต่างๆ ให้เป็นระบบ Automation และใช้ Data ในการที่จะทำงาน วิเคราะห์งาน และทำ Solution ต่างๆ ให้กับลูกค้าในอนาคต
ในส่วนของ Post Supply Chain Strategy Wise มุ่งเน้นที่จะให้บริการลูกค้าในการที่จะทำพวก Customized Solution ให้กับลูกค้า โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่เรามีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นพวก Fashion Retail ในกลุ่มสินค้าพวกที่เป็น Home Appliance และก็พวก Automotive Part รวมทั้งพวกที่เป็น Manufacturing ต่างๆ
กลยุทธ์ที่เราใช้ในการให้บริการในส่วนของ Supply Chain คือการเน้นเรื่องเกี่ยวกับการให้บริการ Logistics โดยใช้แนวทางของ ESG เข้ามาประกอบ เพื่อให้การทำ Solution ของเราให้กับลูกค้า ช่วยลูกค้าในการที่จะลดคาร์บอน รวมทั้งการทำพวก Cross Functional Program ต่างๆ เพื่อที่จะเพิ่ม Value Added และก็เป็นการใช้เครือข่ายร่วมกันในการทำงานในอนาคต ทั้งไทยและก็ต่างประเทศ
กลยุทธ์ในแผนงานการเติบโตของเรา คือเรามุ่งเน้นเรื่องการเติบโตระหว่างเอเชียแปซิฟิกกับตลาดในอเมริกา แม้ว่าอเมริกาตอนนี้จะมีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับ Tariff Tax ที่เอาเข้าอเมริกา แต่เราก็ยังมองว่าเป็นโอกาสอยู่ เพราะว่าถ้าในระยะสั้น เราจะเห็นว่าสินค้าที่เข้าอเมริกาในไตรมาส 2 จะเยอะมากขึ้น เนื่องจากอเมริกามีการ Extend ไอ้ตัว Tax Tariff ใหม่ออกไป 90 วัน ซึ่งทำให้ส่งผลให้สินค้าที่ออกไปมีการเข้าไปทำ Stock เพิ่มในอเมริกามากขึ้น และก็มีของที่ออกไปเยอะขึ้น และก็แนวโน้มที่ค่าเฟรดจะขึ้นในไตรมาส 2 นี้ ก็ เราเห็นการขึ้นของค่าเฟรดตามมา
ส่วนในระยะกลางขึ้นไป เราคิดว่าแม้ว่าถ้าอเมริกาเอาของเข้าจากจีนน้อยลง เราก็ยังมีมุมมองที่เป็นบวกว่า ก็จะมีการนำเข้าจากประเทศอื่นทดแทนที่เข้าไปในอเมริกา ซึ่งก็น่าจะอยู่ใน น่าจะเป็นโอกาสของประเทศใน Southeast Asia พวกนี้ เราคิดว่าเราก็จะมีโอกาสในการที่จะ มี Volume มากขึ้นที่จะทำตลาดพวกนี้เข้าไปในอเมริกา
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
กลยุทธ์ถัดไปที่ใช้ในปีนี้ คือเรื่องเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือกับกลุ่ม Network ของ Wise ที่เราจัดตั้งขึ้น โดย Wise เองเรามีให้บริการกับลูกค้าที่เป็น MNC คือ Multinational Company อยู่จำนวนหนึ่ง เราคิดว่าลูกค้ากลุ่มนี้สามารถที่จะขยายความร่วมมือกันได้ เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้มี Traffic อยู่ในหลายๆ ประเทศ ซึ่งเราสามารถที่จะจับมือกับทาง Wise ในเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ก็ดี ฮ่องกงก็ดี China ก็ดี รวมทั้งมาเลเซียฟิลิปปินส์พวกนี้ในการทำตลาด ที่เป็นพวก ลูกค้า MNC Multinational Company นี้ร่วมกัน ซึ่งอันนี้ก็จะทำให้เราสามารถขยายฐานตลาดในกลุ่มพวกนี้ได้กว้างขึ้น
อีก Strategy หนึ่งที่เราคิดว่าจะทำในปีนี้ มากขึ้น คือเนื่องจากตัว Trade War ที่เกิดขึ้น เราจะเห็นว่ามันมีการ Relocation ของการย้ายฐานผลิตจากจีนหนอกมาใน Southeast Asia เนี่ยจำนวนมาก โดยเฉพาะบางส่วนก็เข้ามาในเมืองไทย เราเองเราเห็น Sign นี้มา สักระยะนึงแล้ว และเราก็ได้ร่วมมือกับทาง สาขาเราในเมืองจีนในการ Develop ลูกค้า กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ร่วมกัน ซึ่งก็มีแนวโน้มดีมาก เราเห็นพวกลูกค้าของ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทจีนเองบริษัทใหญ่ๆ เนี่ยที่เข้ามา Setup ในเมืองไทยค่อนข้างเยอะ และเราก็ ได้รับอานิสงส์ใน ในลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย ซึ่งแนวโน้มคิดว่าน่าจะเป็นแนวโน้มที่ดี เพราะว่า ก็จะเป็น ผลิต ที่จะส่งออกไปทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะในอเมริกา แต่ว่าจะเป็นฐานผลิตที่จะส่งออกไปเองทั่วโลก และก็รวมทั้งแนวทางในอนาคตของเราด้วยว่า เรา เราจะพยายามทำ งาน Logistics นะครับ โดยใช้แนวทางของ ESG เข้ามานะครับ เพื่อให้ ตอบโจทย์ลูกค้าในการที่จะช่วยกันลดคาร์บอน ให้กับลูกค้านะครับ แล้วก็ เอ่อ เป็นไปตาม เทรนด์ของลูกค้า ในอนาคตด้วยนะครับ
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session):
**[เริ่ม Q&A นาทีที่ 41:14]**เป้าหมายทั้งปีวางไว้ว่าจะโตได้ 15-20% แม้มีความท้าทายจาก Tariff ของอเมริกา แต่ในระยะสั้น ครึ่งปีแรก รายได้ยังเติบโต 10% ไตรมาส 2 ยัง Continue ในการเติบโต มองว่ายังอยู่ในระดับการเติบโตที่วางเป้าไว้
อุตสาหกรรม Logistics มีความผันผวนสูงเนื่องจากความไม่แน่นอนในสถานการณ์ ต้องมีการปรับตัวให้ทัน แต่ยังมองเป็นบวก เพราะการเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาสในหลายตลาด มีการ Shifting Order ย้ายฐานการผลิต ตอนนี้เห็น Order ลูกค้าจากจีนเริ่มมาออกใน Southeast Asia มากขึ้น
มีเป้าหมายชัดเจนใน 3 ปีข้างหน้าตามแผนที่นำเสนอ โดยมุ่งเน้นการเติบโตที่ยั่งยืน เน้นเรื่องความยั่งยืนในการเติบโต ใช้แนวทาง ESG เข้ามาประกอบในการทำงาน ในการทำ Solution ต่างๆ ให้กับลูกค้า เพื่อสอดคล้องไปกับแนวทาง ESG ที่วางไว้ ไม่ได้มีความกังวลอะไรเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ แต่มีความท้าทายเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพการแข่งขันและตลาดแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างรวดเร็ว จะต้องมีการวางแผนและ Monitor อย่างใกล้ชิดและปรับตัวให้ทันกับเวลา
ให้ความสำคัญกับการเติบโตที่ยั่งยืน เน้นเรื่องการที่จะ ให้ บริการลูกค้า และก็เติบโตไปกับลูกค้าในลักษณะ Long Term สร้าง Value ให้กับลูกค้า
ROIC อยู่ที่ 16% และ WACC ของบริษัทอยู่ที่ 10%
งาน Supply Chain ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตแบบต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพื้นที่บริหารคลังกว่าแสนตารางเมตร ภายใน 1 ปีข้างหน้าพื้นที่ก็จะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยอนาคตตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 150,000 ตารางเมตร กลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้บริการจะเป็นพวกกลุ่ม แฟชั่นรีเทล กลุ่มพวกที่เป็น Home Appliance และกลุ่มพวก Industrial Manufacturing
ยังเน้นการเติบโตในภูมิภาคเอเชีย ที่เปิดฟิลิปปินส์ไปเมื่อปี ก่อน ปีนี้เองก็เริ่มเห็นว่าตลาดเริ่ม เริ่มที่จะ มีการพัฒนามากขึ้นในตลาดฟิลิปปินส์ และคิดว่าจะใช้โมเดลของฟิลิปปินส์เนี่ยขยายเข้าไปในตลาด อย่าง อย่างเวียดนาม อินโด ในอนาคตอันใกล้
Q2 เองเห็นถึงของที่มันมีการส่งออกมากขึ้น เนื่องจากเร่งไปออกให้มันทันกับ Tariff ที่ Extend ไว้ เพราะฉะนั้นแนวโน้มของ Q2 เนี่ย Volume ก็ยัง แนวโน้มเยอะขึ้น คิดว่าผลประกอบการใน Q2 ก็ยังดีอยู่
ช่วงท้ายนี้ ในนามของบริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังการให้ข้อมูลในวันนี้ และขอฝากให้ติดตามบริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ในไตรมาสต่อๆ ไปด้วย สำหรับวันนี้ขอบคุณและสวัสดีครับ