บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ

บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป (MAJOR) มีแนวโน้มกำไรใน Q2/25 ฟื้นตัว และจะพีคสุดใน Q4/25 หลังผู้บริหารยอมรับว่าผลงาน Q1/25 ต่ำกว่าคาด

บทวิเคราะห์เชิงลึก

KSS (Krungsri Securities) คงคำแนะนำ "Buy" สำหรับ MAJOR ด้วยราคาเป้าหมาย 15.60 บาท อิงวิธี DCF (Discounted Cash Flow) และ WACC (Weighted Average Cost of Capital) ที่ 7.1% ซึ่งเทียบเท่า P/E'25F ที่ 21.5 เท่า ใกล้เคียง +0.5SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต โดยมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันที่ P/E'25F 14 เท่า ต่ำกว่าช่วง COVID-19 สะท้อนผลงาน Q1/25 ที่อ่อนแอมากเกินไป

KSS คาดการณ์กำไร Q2/25 จะฟื้นตัว ตามฤดูกาลและภาพยนตร์ที่น่าสนใจมากขึ้น (เช่น Thunderbolt, The Stone พระแท้ฯ, Mission Impossible) และคาดว่า Highlight ของปี 2025 จะอยู่ใน Q4/25 ที่มีภาพยนตร์ไทยภาคต่อหลายเรื่องเข้าฉาย (เช่น ธี่หยด3, สัปเหร่อ2, อนงค์2) รวมถึงภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่จาก Hollywood อย่าง Avatar

MAJOR เร่งปรับตัวรับพฤติกรรมผู้ชมที่เปลี่ยนไปหลัง COVID-19 เช่น ลดรอบฉายดึก, ลดพื้นที่เช่า, ปรับรูปแบบโรงให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ ซึ่งประสบความสำเร็จใน Q1/25 แม้รายได้ลดแต่อัตรากำไรสูงขึ้น

ข้อสังเกตและประเด็นสำคัญ

กรณีภาษีทรัมป์ (100% สำหรับภาพยนตร์ที่ผลิตนอก US) ผู้บริหารคาดว่าจะกระทบไม่มาก เนื่องจากภาพยนตร์ Hollywood ส่วนใหญ่ผลิตใน US อยู่แล้ว นอกจากนี้ MAJOR เตรียมประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อผลักดันธุรกิจ Popcorn ไปสู่ตลาดต่างประเทศ

สรุป

KSS ยังคงมอง MAJOR เป็นหุ้นที่น่าสนใจลงทุน โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของกำไรใน Q2/25 และผลงานที่คาดว่าจะโดดเด่นใน Q4/25 นอกจากนี้ ราคาเป้าหมายยังมี Upside +9% จากโอกาสของการลดทุนหุ้นซื้อคืนอีกด้วย