https://aio.panphol.com/assets/images/community/5203_81F3AA.png

MAJOR กำไร Q1/68 วูบ! เอเซียพลัสชี้ ไตรมาส 2 ฟื้นจากหนังฟอร์มยักษ์

P/E 8.19 YIELD 3.06 ราคา 6.60 (0.00%)

ไฮไลท์สำคัญ:

MAJOR กำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 ลดลง 76% YoY เหลือ 33 ล้านบาท จากรายได้ธุรกิจภาพยนตร์ที่ลดลง แต่คาดการณ์ไตรมาส 2/2568 กำไรจะกลับมาสดใสจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เตรียมเข้าฉาย

ผลประกอบการที่น่าผิดหวังใน Q1:

เอเซียพลัส (ASPS) ระบุว่า กำไรสุทธิ 1Q68 ของ MAJOR อยู่ที่ 33 ล้านบาท ลดลง 76%YoY ถึงแม้จะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 16 ล้านบาท แต่ยังถือว่าเป็นผลประกอบการที่ต่ำมาก สาเหตุหลักมาจากรายได้ธุรกิจภาพยนตร์ที่ลดลง 23%YoY เหลือ 659 ล้านบาท เนื่องจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดและภาพยนตร์แอนิเมชั่นบางเรื่องทำรายได้ต่ำกว่าที่คาด ส่งผลให้ไม่มีภาพยนตร์เรื่องใดทำรายได้เกิน 100 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ธุรกิจป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม (Concession) มีรายได้ลดลง 29%YoY ในทิศทางเดียวกับธุรกิจโรงภาพยนตร์

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโฆษณาในโรงภาพยนตร์มีรายได้เพิ่มขึ้น 1%YoY เนื่องจากภาพยนตร์ไทยได้รับความสนใจจากเอเจนซี่โฆษณาและเจ้าของแบรนด์สินค้าที่ต้องการขยายตลาดในต่างจังหวัด สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ MAJOR ที่เน้นการเปิดโรงภาพยนตร์เพิ่มในต่างจังหวัด ธุรกิจโบลลิ่ง พื้นที่เช่า และ Movie Content มีรายได้เติบโต แต่ไม่มีผลต่อภาพรวมมากนัก

อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 1Q68 อยู่ที่ 35.27% สูงกว่า 1Q67 ที่ 31.15% แต่ถูกหักล้างด้วยค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้นจากการปรับมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน การปรับมูลค่ายุติธรรมของหนี้สินอนุพันธ์ทางการเงิน และค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์จากการปิดปรับปรุงสาขา

Q2 ฟื้นตัวจากหนังฟอร์มยักษ์:

ASPS คาดการณ์ว่าทิศทางกำไรใน 2Q68 จะกลับมาสดใส เนื่องจากมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เตรียมเข้าฉายจำนวนมาก ทั้งจากฮอลลีวูดและไทย เช่น Thunderbolts, Mission Impossible 8, John Wick 4, How to train the dragon, เดอะ สโตนพระแท้คนเก๊, สุสานคนเป็น, หลวงพี่แจ๊ส โคตรซิ่ง และ พระร่วงมหาศึกสุโขทัย โดยจะมีภาพยนตร์เข้าฉายรวม 75 เรื่อง มากกว่า 1Q68 ที่มี 70 เรื่อง ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จะส่งผลต่อยอดขาย Popcorn ในโรงหนัง

สำหรับครึ่งปีหลัง 2568 ยังมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่น่าจับตามอง เช่น จูราสสิค เวิลด์, ซูเปอร์แมน, Fantastic 4, Avatar 3 และ ธี่หยด 3

EPS ไม่ลดลง แม้กำไรลด:

MAJOR ให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุน โดยจะติดตั้งเครื่องจำหน่ายเครื่องดื่มและป๊อปคอร์นอัตโนมัติ (SOK) จำนวน 30 เครื่อง เพื่อลดจำนวนพนักงานขาย คาดว่าจะลดต้นทุนได้ 30-40 ล้านบาท รวมถึงการเจรจาต่อรองกับ Supplier และ Vendor ด้าน IT เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 50 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมองหาโอกาสสร้างรายได้จากธุรกิจป๊อปคอร์นนอกโรงหนัง

แม้ ASPS ประเมินว่ากำไรปี 2568 จะลดลง 9%YoY จากผลกระทบใน 1Q68 แต่การลดทุนหุ้นที่ซื้อคืนจำนวน 71.2 ล้านหุ้น ทำให้จำนวนหุ้นลดลง 8.6% ส่งผลให้กำไรต่อหุ้น (EPS) แทบไม่ต่างจากปีก่อน ASPS ประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี DCF เพิ่มขึ้นจาก 17.00 บาท เป็น 18.50 บาท อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นอาจถูกกดดันจากงบ 1Q68 ที่ไม่สดใส จึงคงคำแนะนำ "Neutral"

สรุป:

ASPS คงคำแนะนำ "Neutral" สำหรับ MAJOR โดยให้ราคาเป้าหมาย 18.50 บาท (DCF) แม้กำไร 1Q68 จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่คาดหวังการฟื้นตัวในไตรมาส 2 จากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ และการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัท

โพสต์ล่าสุด