บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
GPSC กำไร Q1/68 โตแรง! โบรกฯ LHS ชี้เป้าราคา 39 บาท
P/E 16.61 YIELD 2.59 ราคา 34.75 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ: GPSC แนวโน้มกำไรสดใส
บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LHS คาดการณ์กำไรปกติของ GPSC ในไตรมาส 1/2568 จะเติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และปีก่อนหน้า (YoY) โดยมีปัจจัยหนุนจากผลขาดทุนที่ลดลงของโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน (Gekko-One) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ที่ลดลงตามฤดูกาล และส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
คาดการณ์กำไร Q1/68 โต +33% QoQ และ +16% YoY
LHS คาดการณ์ว่า GPSC จะรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2568 ที่ 982 ล้านบาท (-2% QoQ, +14% YoY) แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ เช่น ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) จำนวน 20 ล้านบาท กำไรปกติจะอยู่ที่ 1.0 พันล้านบาท (+33% QoQ, +16% YoY) การเติบโต QoQ มีปัจจัยหลักมาจาก:
1. กำไรขั้นต้น (GP) ของโรงไฟฟ้า IPP ที่ 1.1 พันล้านบาท (+24% QoQ, -17% YoY) จากผลขาดทุนที่ลดลงของเก็คโค่-วัน
2. GP ของโรงไฟฟ้า SPP ที่ 3.8 พันล้านบาท (+1% QoQ, +4% YoY) เพิ่มขึ้นตามปริมาณขายไอน้ำ ต้นทุนถ่านหินที่ลดลง และค่าซ่อมบำรุงที่ลดลง
3. OPEX ที่ลดลง -25% QoQ ตามฤดูกาล
4. ค่าเสื่อมราคาที่ลดลงตามค่าตัดจำหน่าย GLOW
นอกจากนี้ การเติบโต YoY ยังมาจากเงินปันผลและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก (+445% YoY) โดยเฉพาะจากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีที่คาดว่าจะขาดทุนลดลง และ Avaada ที่กำไรเพิ่มขึ้นตามความเข้มแสงที่มากขึ้นและการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการใหม่
ปัจจัยบวก: ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง
LHS มองว่าแนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลงจะเป็นปัจจัยบวกต่อ GPSC โดยข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) พบว่า ปริมาณนำเข้า LNG ของไทยลดลงจาก 29% ในปีที่แล้ว เหลือ 24% ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2568 นอกจากนี้ ราคาก๊าซ Spot LNG ที่ลดลงจาก 14-15 ดอลลาร์สหรัฐฯ/MMBTU ในช่วงต้นปี เหลือ 12.6 ดอลลาร์สหรัฐฯ/MMBTU ในปัจจุบัน จะส่งผลให้ราคา Pool Gas ลดลงตามไปด้วย รวมถึงการที่ราคาดูไบลดลงในช่วงนี้ จะทำให้ราคาก๊าซของแหล่งในอ่าวไทยลดลงในระยะข้างหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลดีต่อต้นทุนของ GPSC
คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 39 บาท
LHS คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ GPSC โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 39.00 บาท มองว่ากำไรของ GPSC ยังมีศักยภาพในการเติบโตได้ แม้จะมีนโยบายลดค่าไฟฟ้า เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการภายในที่ดี และมีการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น นอกจากนี้ ผลขาดทุนจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วันจะค่อยๆ ลดลง ทำให้กำไรจากโรงไฟฟ้า IPP&SPP เพิ่มขึ้น รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม โดยเฉพาะจากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีและ Avaada ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ แนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง จะส่งผลบวกต่อต้นทุนของบริษัทในระยะข้างหน้า