บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
JMART Group: สรุปผลประกอบการปี 2567 ไตรมาส 4 และทิศทางธุรกิจปี 2568
P/E 15.69 YIELD 3.48 ราคา 6.90 (0.00%)
JMART Group: สรุปผลประกอบการปี 2567 ไตรมาส 4 และทิศทางธุรกิจปี 2568
- ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
- โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
- ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
- วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
- แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
- ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มที่ นาที 51:19
- JFin Coin และแนวทางการพัฒนา
- คำถาม: JFin Coin ในปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
- คำตอบ: มุ่งเน้นสร้าง JFin Chain และเชื่อว่าเมื่อทุกบริษัทในกลุ่มใช้ Chain มากขึ้น จะมี Demand Supply ที่ทำให้เหรียญมีความต้องการมากขึ้น
- คำตอบเสริม: JFin Coin เป็นเหรียญที่เทรดในตลาด ซึ่งเป็นไปตามกลไกของเหรียญโลก และปีนี้น่าจะเป็นปีทองของ Bitcoin ด้วย
- งบประมาณการลงทุนซื้อหนี้เสีย
- คำถาม: JMART มีงบประมาณซื้อหนี้เสียเท่าไหร่ และจะจัดสรรไปซื้อหนี้ประเภทใด?
- คำตอบ: ตั้งงบประมาณไว้ 2,000 ล้านบาท และหลักๆ จะเน้นซื้อหนี้ Unsecured เป็นหลัก หากมี Secured ที่ Yield สูงจริง ก็อาจพิจารณาบ้าง
- กลยุทธ์ Sukishi Thinoi และการแข่งขัน
- คำถาม: Sukishi Thinoi มีกลยุทธ์อย่างไรท่ามกลางคู่แข่งที่มากขึ้น และจะเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อไหร่?
- คำตอบ: ขยายสาขาไปต่างจังหวัดมากขึ้น เน้นคุณภาพและ Service Mind ของพนักงาน และอยู่ระหว่างการวางแผนเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์
- ทิศทางรายได้ JMT ไตรมาส 1 และปัจจัยที่ส่งผลต่อ Pay Out Ratio
- คำถาม: ทิศทางรายได้ JMT ในไตรมาส 1 เป็นอย่างไร และทำไม Pay Out Ratio ถึงลดลง?
- คำตอบ: ทิศทางรายได้ใกล้เคียงเดิมหรืออาจเติบโตขึ้นเล็กน้อย ส่วน Pay Out Ratio ลดลงเนื่องจากต้องการสำรองเงินไว้สำหรับ Service หุ้นกู้
- คำตอบเสริม: หากกำไรดีขึ้น จะนำเสนอเรื่องจ่ายปันผลต่อที่ประชุมคณะกรรมการ
- ผลกระทบภาวะเศรษฐกิจต่อ JMT
- คำถาม: JMT มองว่าเศรษฐกิจไทยที่ซึมลงแบบต้มกบ จะส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร?
- คำตอบ: Balance Demand Supply โดย Supply คือหนี้เสียที่มากขึ้น ส่วน Demand ต้องมีการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า และใส่ Factor เหล่านี้เข้าไปใน Balance Sheet แล้ว
- เป้าหมาย Bottom Line และแนวทางการดำเนินงานของ JMT
- คำถาม: ตั้งเป้า Bottom Line ปี 2568 ไว้เท่าไหร่?
- คำตอบ: ตั้งเป้า Recovery กลับมาให้เท่ากับผลประกอบการปี 2566 ราวๆ 2,000 ล้านบาท
- คำตอบเสริม: มุ่งเน้นลด ECL และ Litigation Expense เพื่อให้กำไรกลับมา
- กลยุทธ์เกี่ยวกับ Litigation Expense และ JPoint
- คำถาม: Litigation Expense ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลอย่างไรต่อ JMT และ JPoint มีแผนการพัฒนาอย่างไร?
- คำตอบ: Litigation Expense จะลดลงในปีนี้เนื่องจากมีการฟ้องร้องสะสมไว้มากแล้ว ส่วน JPoint จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ Ecosystem และใช้ Data มาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค
- JAS Asset มีกำไรในทุก Community Mall หรือยัง?
- คำถาม: JAS Asset ทำกำไรในทุก Community Mall แล้วหรือยัง?
- คำตอบ: ทุก Community Mall มีกำไรแล้ว ทั้งในแต่ละ Mall และโดยภาพรวม
- เป้าหมายกำไรสุทธิของ JAS Asset
- คำถาม: ปีนี้ JAS Asset มีเป้าหมายกำไรสุทธิเท่าไหร่?
- คำตอบ: ปีนี้ไม่ได้มี Project ใหม่ในการขยาย แต่เน้น Make Profit และ Make Cash Flow จาก Asset เดิมที่มี และลดภาระทางการเงิน
- รายละเอียดเกี่ยวกับ JMT Mobile
- คำถาม: JAS Asset ลงทุนใน JMT Mobile อย่างไร?
- คำตอบ: ขยายช่องทาง Retail และกระตุ้น Revenue Sales ให้เติบโต เน้นการทำตลาดใน Platform Digital
ในปี 2567 กลุ่มบริษัท JMART รายงานผลกำไรสุทธิ 1,141 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากปี 2566 ที่ขาดทุน 477 ล้านบาท
JMART Group ยังคงโฟกัสในกลุ่มธุรกิจ Commerce, Finance และ Technology หรือ Digital โดยมีธุรกิจที่แตกต่างกันไป แต่ยังคงมุ่งเน้นการทำ Synergy ร่วมกัน
JMART Mobile คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จาก Product ใหม่ Samsung S25 และ Trend ของ AI Smartphone ที่เติบโตขึ้น
การกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐผ่านนโยบาย Easy E-Receipt จะส่งผลดีต่อธุรกิจการค้าของบริษัท
ธุรกิจ Lock Phone ทั้ง KBJ Capital และ SG Capital ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดี
บริษัทที่ได้เข้าไปลงทุนอย่าง Sukishi Thinoi ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 1 ที่จะถึงนี้
การลงทุนใน Vega Creator ซึ่งเป็น Partner กับคุณ Tik Tok จะช่วยให้ JMART รุกเข้าสู่ธุรกิจแนวใหม่ที่ใช้ Technology และ Platform มากขึ้น
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากหนี้เสียในธุรกิจ Lock Phone แม้ว่าบริษัทจะสามารถ Control ได้ในระดับหนึ่ง
Challenge ในเรื่องของการเพิ่มยอดขายของ Singer ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า, Mobile และ EV
JMART ได้แก้ไขปัญหาในอดีตและปรับโครงสร้างธุรกิจ พร้อมทั้งดูในเรื่องของระบบและการบริหารความเสี่ยง
การใช้ระบบบัญชีฉบับใหม่ (ฉบับที่ 17) สำหรับ JMI เพื่อให้กลับมามีกำไร
การลด Cost ในการดำเนินงานของ Singer เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจ
การแก้ไขปัญหา NPL ของเครื่องใช้ไฟฟ้าใน Singer และตั้งเป้าลดลงเหลือ 15% ในปีนี้
พัฒนา Center of Excellence (COE) เพื่อ Transform Business Model และนำ Technology มาใช้มากขึ้น
JMART Group ยังคงเน้นการทำ Synergy ในกลุ่มบริษัท และมองหาโอกาสในการเติบโตในธุรกิจ Commerce, Finance และ Technology
Lock Phone จะเป็นอีกหนึ่ง Driver ที่จะส่งพลังให้เห็น โดยมี KBJ และ SGC เป็นผู้ขับเคลื่อน
JMT ยังคงเป็นเสาหลักของกลุ่ม และคาดว่าจะกลับมาเติบโตในระดับปี 2023
JMART เตรียมพร้อมที่จะ Transform ธุรกิจด้วย Technology และ Innovation โดยเฉพาะ AI และ Data Analytics
สรุปได้ว่า JMART Group มีผลประกอบการที่ดีขึ้นในปี 2567 และมีแผนการเติบโตที่ชัดเจนในอนาคต โดยมุ่งเน้นการทำ Synergy ในกลุ่มบริษัท การลงทุนในธุรกิจใหม่ และการใช้ Technology เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน