บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
สรุป Oppday JMART: ฟื้นคืนชีพปี 67 สู่ Next Level ปี 68 ด้วยกลยุทธ์ 3C Finance Tech
P/E 15.69 YIELD 3.48 ราคา 6.90 (0.00%)
สรุป Oppday JMART: ฟื้นคืนชีพปี 67 สู่ Next Level ปี 68 ด้วยกลยุทธ์ 3C Finance Tech
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
Jmart Group รายงานผลกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 1,141 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากปี 2566 ที่ขาดทุน 477 ล้านบาท ไตรมาสที่ 4 กำไรเติบโตดีขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทกลับมาสู่เส้นทางเติบโตอีกครั้ง แก้ปัญหาในอดีต ปรับโครงสร้าง ระบบ และบริหารความเสี่ยง
กลุ่มบริษัท Jmart ยังคงโฟกัสในกลุ่ม Commerce, Finance และ Technology (Digital) โดยเน้นการทำ Synergy ภายในกลุ่มบริษัท Jmart Group Holding และได้ report ผลกำไรสุทธิ 1,141 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
Jmart Mobile ได้รับอานิสงส์จาก Product ใหม่ Samsung S25 Trend ของ AI Smartphone ยังคงเติบโต การกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐผ่านนโยบาย Easy E-Receipt เป็นผลดีต่อธุรกิจหลักของบริษัท JMT ยังมี Positive Momentum ในเชิงของ Earning
ธุรกิจ Lockphone ยังคงเติบโตได้ดี ธุรกิจที่ได้เข้าไปลงทุน คือ Sukishi น้อย ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
Sukishi Tino เป็น Driver ที่ทุกคนเห็นผลกำไร และมีการเติบโต ขยายสาขาอย่างแข็งแรง Lockphone เป็นอีกหนึ่ง Driver ที่จะส่งพลังให้เห็น
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
การแข่งขันในตลาด E-Commerce การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่รวดเร็ว ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
ในขณะที่ Build Port ที่เติบโตขึ้น ใหญ่ขึ้น ก็มีความเสี่ยงในด้านของลูกหนี้เสีย แต่ธุรกิจ Lockphone เป็นธุรกิจที่น่าสนใจ เพราะทำงานด้วย Platform แล้วหนี้เสียสามารถ Control ได้ต่ำ
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
Jmart เตรียมเงินพร้อมจ่ายหุ้นกู้ทุกชุดในเดือนเมษายนและตุลาคม มาจากเงินลงทุนที่เป็นตราสารทุน และ Dividend จาก Subsidiary แผนที่จะ Roll Over Debenture ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
การปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การใช้เทคโนโลยีในการจัดการความเสี่ยง และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ
ลดภาระหนี้ของกลุ่มให้ลดลง เพิ่มกำไรให้กับบริษัททุกบริษัทในกลุ่ม Holding จะต้องมีการเติบโตในแง่ของกำไร 30%
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
กลุ่มบริษัท Jmart มุ่งเน้นการเติบโตในระยะยาว โดยการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ, การขยายตลาด, และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล
ใครไม่มีมือถือ AI ก็ล้าสมัย เทคโนโลยีของการเปลี่ยนแปลงมือถือ น่าติดตามและน่าสนใจ
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 57:52
- **JFin Coin:**
**คำถาม:** ปีนี้ JFin Coin/Token เป็นอย่างไรบ้าง ให้ Color กับนักลงทุนสักนิดนึงได้ไหมครับ
**คำตอบ:** JFin Coin เป็นเหรียญที่ระดมทุนและเทรด ผมไม่ได้วุ่นวายกับกลไกมากนัก พยายามสร้าง JFin Chain ทั้งหมดอยู่บน JFin Chain และเชื่อว่าทุกกลุ่มบริษัทจะใช้ Chain มากขึ้น ทำให้มี Demand Supply ที่ทำให้ความต้องการของเหรียญมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เป็นแค่กลไกหนึ่ง JFin Coin เป็นเหรียญที่เทรดในตลาด ซึ่งต้องเป็นไปตามกลไกของเหรียญโลก ปัจจุบันเหรียญโลกก็เดาว่าปีนี้น่าจะเป็นปีทองของเขา แต่โดยจังหวะแล้วก็คงปฏิเสธความขึ้นลงเทียบกับ Bitcoin ไม่ได้ ดังนั้นก็คงวิ่งตามกระแสของ Bitcoin และเหรียญ Altcoin ทั่วๆ โลก สิ่งที่พยายามทำคือพยายามสร้าง Fundamental ที่แท้จริงให้กับ JFin Coin ผ่านกลไก JFin Chain พยายามจะใช้ Chain JFin Chain ให้มากขึ้นเรื่อยๆ Demand ของ JFin Coin ก็จะมากขึ้นตามไป อันนั้นคือสิ่งที่พยายามทำ
- **ผลกระทบจากการลดดอกเบี้ย:**
**คำถาม:** กนง. ลดดอกเบี้ยเป็นผลดีกับ Jmart หรือไม่?
**คำตอบ:** เป็นผลดีกับทั้งกลุ่ม ต้นทุนทางการเงินของ Jmart ก็ลดลง ตามต้นทุนทางการเงินของอุตสาหกรรมที่ลดลง
- **ผลการดำเนินงานไตรมาส 1:**
**คำถาม:** ทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ของ Jmart มีโอกาสดีกว่าช่วงเดียวกันของปี ก่อนหรือไม่?
**คำตอบ:** ตั้งเป้าไปในลักษณะเช่นนั้น แต่ต้องพิจารณาว่าตัวของบริษัท ย่อยร่วมต่างๆ จะมี Performance อย่างไร ต้องรออีกสักนิด
- **Sukishi Tino:**
**คำถาม:** ธุรกิจอาหารกรณี Sukishi Tino อะไรคือกลยุทธ์ถัดไป ตอนนี้คู่แข่งใหม่เข้ามามากขึ้น มีการแข่งขันทางด้านราคา จะมีการนำเข้าตลาด อ๋อ จะมีการเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อไหร่?
**คำตอบ:** กลยุทธ์ของ Sukishi Tino ยังคงขยายสาขาไปต่างจังหวัดมากขึ้น Sukishi BBQ ปิ้งย่างบุฟเฟ่ต์ก็จะเป็นอีกหนึ่งร้านที่จะเปิดมากขึ้น ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เหตุใดคู่แข่งถึงมาทำ Business Model คล้ายๆ กับ Sukishi Tino มากขึ้น เพราะคงจะเห็นโอกาสในการเติบโต ราคาไม่ได้เป็นกลยุทธ์ในการแข่งขัน ทุกคนที่เข้ามาก็เสนอราคาเหมือนกัน สำคัญก็คืออยู่ที่เรื่องของคุณภาพและบริการ เข้าใจว่าคงไม่เชื่อว่า Sukishi Tino เน้นเรื่องคุณภาพ แล้วก็เรื่อง Service Mind ของพนักงานมาก ก็ดูแลพนักงานพอสมควร รู้ว่าพนักงานทำงานหนัก จะเห็นว่าเขาก็มีการจ่ายโบนัสให้กับพนักงานทุกๆ ไตรมาส ซึ่งเพื่อที่จะให้พนักงานมีกำลังใจในการให้ Service Mind ที่ดีอันนี้ก็เป็นกลยุทธ์หลักๆ ในเรื่องของการบริหารจัดการคอร์สก็เช่นกัน เข้าใจว่าในควอเตอร์ 3 เนี่ย ครัวกลางของ Sukishi Tino จะเริ่มเปิดเฟสในการให้บริการนะครับ ที่ใช้บริการก็คืออยู่ที่ประมาณสักคลอง 3 คลอง 4 นะครับ ซึ่ง Capacity เนี่ย ก็สามารถที่จะ Service ได้ถึง 200 สาขานะครับ ทั่วประเทศนะครับ ดังนั้นเนี่ย ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเอาจุดที่เป็นคลางครัวกลางเนี่ยมาทำเรื่องของ R&D และพัฒนา Product ให้มันดีขึ้นนะครับ แล้วก็มีตัวใหม่ๆ เข้ามาเพื่อที่จะเหลือกับคู่แข่งที่มีอยู่ ในเรื่องของ IPO ที่ถามมาก็อยู่ในแผนตอนนี้ก็ทางทีมผู้บริหารก็กำลังพูดคุยนะครับ ทำกับทาง Financial Advisor อยู่ ตามความแผน Business Model นะครับว่า ว่า ในการที่จะ Road Map ในการเข้าตลาดในช่วงไหน เพราะว่าสถานการณ์ปัจจุบันนะครับ ตลาดเองก็ต้องมองด้วยนะครับ แล้วก็ อีกอย่างหนึ่งที่เป็นเรื่องที่ทางบริษัทที่จะต้องมาดูก็คือเรื่องของ Business Model ต่างๆ ใน ในในต่อ ไปอนาคต เพราะว่าปัจจุบันเนี่ยมีเงินสดที่ถือในมืออยู่ประมาณ 1,000 ล้าน การที่จะไปลงทุนในในตลาดหลักทรัพย์เนี่ยจะต้องมี Business Model ใหม่ หรือมีธุรกิจที่เขาจะต้องมองที่จะเงินที่ระดมทุนมาเนี่ยไปขยายธุรกิจอย่างไรก็อยู่ในการวางแผนของ การเตรียมการนะครับในเรื่องของการทำใบป ในอนาคต
- **มุมมองภาวะเศรษฐกิจไทยซึม :**
**คำถาม:** JMT มีมุมมองอย่างไรว่าเศรษฐกิจไทยมันแย่และซึมลงเรื่อยๆ แบบต้มกบจากหลายๆ สาเหตุ ทำให้คนตกงาน เกิดหนี้เสียมากขึ้น ซึ่งนำมาซึ่งโอกาสในการซื้อหนี้เสียได้มาก แต่ก็เป็นวิกฤตด้วยเช่นกัน คือเก็บหนี้ไม่ได้ เพราะคนไม่มีรายได้เพื่อมาชำระหนี้ น่าจะเป็นขอ มุมมองครับ
**คำตอบ:** ต้มกบเนี่ยมันก็เป็นอาการที่เศรษฐกิจซึมลงเรื่อยๆ นะครับ ก็คือออนเซ็นไปเรื่อยๆ แล้วทุกคนไม่รู้ตัวนะครับ ก่อนจะมา รู้ตัวอีกทีก็มีปัญหาไปแล้วนะครับ เพราะนั้นเนี่ยในมุมของตรงนี้เนี่ยต้องบอกว่า เอ่อเราเองเรา Balance Demand Supply นะครับ ซัพพลายก็คือเกิด การNPL เยอะขึ้นนะครับ ในแง่ของการซื้อหนี้เข้ามาเนี่ย โอเคละในภาคของเศรษฐกิจภาคใหญ่เนี่ยมันมีปัญหาแล้วนะครับ มันจึงทำให้เป็นต้มหมาที่มา ที่ไปของซัพพลายตรงนี้มันเกิดออกมา เพราะฉะนั้นการที่เราเก็บ เอ่อ เราซื้อหนี้เข้ามา เรามาเก็บหนี้เนี่ยแน่นอนแหละ ถ้าภาคเศรษฐกิจใหญ่ๆมันเป็นแบบนั้นจริงเนี่ย เออ ความสามารถในการชำระเงินของลูกค้าเนี่ยก็ต้องมีผลกระทบบ้างเหมือนกันนะครับ เราได้บาลานซ์ไปตอนที่เราซื้อนะครับเพราะนั้นเนี่ย เอ่ออัตรา ราคาที่เราซื้อในช่วงที่ เอ่อความสามารถในการชำระเงินสูงๆ นะครับ การประเมิน เอ่อกระแสเงินสดในอนาคตก็จะสูงตาม เพราะในช่วงนี้ถ้า เอ่อสภาวะเป็นแบบนี้เนี่ยการที่ได้พอร์ตใหม่ๆเข้ามาเนี่ยเราก็จะใส่ Factor พวกนี้เข้าไป Balance ไปแล้วด้วยนะครับเพราะนั้นเนี่ยตรงนี้ไม่ใช่ปัญหา นะครับ เออ พอร์ตยังมีกำไรอยู่นะครับ ก็เพียงแค่ว่าขอให้มีพอร์ตใหม่เข้ามานะครับ
โดยสรุป Oppday ของ JMART ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของบริษัทในปี 2567 และการวางกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในปี 2568 บริษัทมุ่งเน้นการสร้าง Synergy ภายในกลุ่ม การบริหารจัดการความเสี่ยง และการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น