MAJOR กำไร Q4/67 ลดลง 4% YoY แต่ ASPS มองอนาคตสดใส หนังฟอร์มยักษ์จ่อคิวฉาย!

P/E 8.19 YIELD 3.06 ราคา 6.60 (0.00%)


ไฮไลท์สำคัญ: MAJOR ไตรมาส 4/2567

MAJOR รายงานกำไรสุทธิ 321 ล้านบาทในไตรมาส 4/2567 ลดลง 4% YoY แม้มีรายได้จากการขายสิทธิเช่าพื้นที่เข้ากอง MJLF และกำไรประเมินมูลค่ายุติธรรมรวม 179 ล้านบาท หนุน แต่เทียบกับปีก่อนที่มีหนังไทยทำเงินถล่มทลายหลายเรื่องพร้อมกัน ทำให้รายได้รวมต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม ASPS ยังคงมีมุมมองบวกต่อธุรกิจโรงภาพยนตร์ในปี 2568 จากภาพยนตร์ฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์และหนังไทยภาคต่อที่เตรียมเข้าฉาย

รายละเอียดผลประกอบการและปัจจัยขับเคลื่อน

ถึงแม้รายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์จะลดลง 26% YoY ในไตรมาส 4/2567 จากปรากฏการณ์หนังไทยปีก่อน แต่รายได้จากธุรกิจอื่น ๆ เช่น โฆษณา, โบว์ลิ่ง, พื้นที่เช่า และ Movie Content กลับเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจ Movie Content ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 45% YoY จากภาพยนตร์ "ธี่หยด 2" ที่ MAJOR เป็นผู้ร่วมสร้าง นอกจากนี้ MAJOR ยังควบคุมต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขาย/บริหารอย่างจริงจัง ผ่านการเจรจาต่อรองกับ Supplier และ Vendor ด้าน IT รวมถึงการติดตั้งเครื่องจำหน่ายเครื่องดื่มและป๊อปคอร์นอัตโนมัติเพื่อลดต้นทุนด้านบุคลากร สำหรับปี 2567 MAJOR มีกำไรสุทธิ 744 ล้านบาท ลดลง 29% YoY เนื่องจากปีก่อนมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น MPIC จำนวน 346 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม MAJOR ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.2 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Payout Ratio 22% ขึ้นเครื่องหมาย XD 17 เม.ย 68

ASPS ชี้โอกาสการลงทุนและราคาเหมาะสม

ASPS มองว่าราคาหุ้น MAJOR ที่ลดลงสวนทางกับทิศทางธุรกิจที่กำลังจะดีขึ้นเป็นโอกาสในการลงทุน และยังมี Upside จากโอกาสที่ MAJOR จะลดทุนด้วยการตัดหุ้นซื้อคืนที่ไม่ได้จำหน่ายออก โดยคงคำแนะนำ "Outperform" และประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี DCF ได้ที่ 20.00 บาท เทียบเท่า PER 19 เท่า

ASPS ประเมิน EPS ปี 2568 ที่ 1.03 บาท และปี 2569 ที่ 1.25 บาท

ESG และความยั่งยืน

MAJOR ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้าน ESG โดยมีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อลดของเสียและลดการใช้พลังงาน รวมถึงการออกแบบโรงภาพยนตร์ที่คำนึงถึงความปลอดภัย นอกจากนี้ MAJOR ยังได้รับการจัดอันดับหุ้นยั่งยืน SET ESG RATING AA ประจำปี 2566 และได้รับเกณฑ์ "ดีเลิศ" ด้านการกำกับดูแลกิจการต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

โพสต์ล่าสุด