ถอดบท Oppday SAV ปี 2568 Q3: เปิดวิสัยทัศน์การเติบโตในยุคที่การบินพลวัตร

P/E 13.07 YIELD 7.43 ราคา 10.80 (0.00%)

ถอดบท Oppday SAV ปี 2568 Q3: เปิดวิสัยทัศน์การเติบโตในยุคที่การบินพลวัตร

1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**

ภาพรวมของ SAV ในตลาดหลักทรัพย์: จดทะเบียนในกลุ่มโลจิสติกส์, มีหุ้นทั้งหมด 640 ล้านหุ้น, และมี Market Cap ณ เดือนนี้อยู่ที่ประมาณ 7 พันกว่าล้านบาท

การจ่ายเงินปันผล: มีการจ่ายเงินปันผลในปีนี้ 90 สตางค์ต่อหุ้น

รายได้ในไตรมาส 3: มีรายได้รวม 591 ล้านบาท, แต่รายได้จริงจากวิทยุการบินในกัมพูชาอยู่ที่ 450 ล้านบาท (ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า)

กำไรหลัก (Core Profit): อยู่ที่ 146 ล้านบาท, เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ลดลง 4 ล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

กำไรสุทธิ (Net Profit): ไตรมาสนี้อยู่ที่ 128 ล้านบาท, มีการตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์ครั้งที่ 3 ในปีนี้จำนวน 5 ล้านบาท รวมทั้งหมด 19.3 ล้านบาทตั้งแต่ไตรมาส 1 ถึง 3

การเติบโตของกำไรสุทธิ: ยังคงเติบโต 1.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

Net Profit Margin: สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา, อยู่ที่ 28.4% (รวมการตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์แล้ว)

โครงสร้างผู้ถือหุ้น: SAV ถือหุ้นโดยบริษัท สามารถ 74.22%, และถือหุ้น 100% ในบริษัท Cambodia Air Traffic Service (CATS) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินงานในกัมพูชา

รายได้ของ SAV มาจากการเก็บค่าบริการจากสายการบินทั้งหมด, และ CATS จ่ายปันผลให้ SAV ทุกไตรมาส (มีการหัก withholding tax 10%)

SAV เป็นผู้ให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศแต่เพียงผู้เดียวในกัมพูชา, ดำเนินงานภายใต้สัญญา สัมปทานระยะยาว (เหลืออีก 26 ปี)

วิธีการเก็บเงินคือการเก็บจากสายการบินที่บินขึ้น-ลง หรือบินผ่านกัมพูชา, แบ่งสัดส่วนรายได้ 50/50 สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ, และ SAV ได้ 70% สำหรับเที่ยวบินผ่านประเทศ (รัฐบาลได้ 30%)

รายได้ 27 ล้านเหรียญสหรัฐแรก จะแบ่งให้รัฐบาล 30% และ SAV 70%, หลังจากนั้นจะแบ่งให้รัฐบาลเพิ่มเป็น 40% และ SAV เหลือ 60%

บริษัท สามารถฯ เริ่มทำธุรกิจในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2533 และได้รับสิทธิสัมปทานตั้งแต่ปี 2544, ได้รับการต่อสัญญา 4 ครั้ง (ล่าสุดปี 2555 ต่ออีก 10 ปี จนถึงปี 2594)

2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**

การเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบิน: จำนวนเที่ยวบินรวมเพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว, โดยเที่ยวบินผ่านน่านฟ้า (Overflight) เพิ่มขึ้น 14% (คิดเป็น 73% ของเที่ยวบินทั้งหมด)

การเติบโตของเที่ยวบินระหว่างประเทศ: เที่ยวบิน Landing Take-off ระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 10% (คิดเป็น 24% ของเที่ยวบินทั้งหมด)

การเติบโตของรายได้: รายได้เติบโตขึ้น 3.6% จาก 435 ล้านบาท เป็น 450 ล้านบาท (ไตรมาส 3 ปีนี้), และเติบโต 11.6% ในรูปสกุล USD (จาก 12.5 ล้านเหรียญ เป็น 13.9 ล้านเหรียญ)

3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**

การลดลงของเที่ยวบินภายในประเทศ: เที่ยวบิน Landing Take-off ภายในประเทศลดลงเล็กน้อย (ประมาณ 1%) คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 3.3% ของจำนวนเที่ยวบินทั้งหมด

ผลกระทบจากการปิดน่านฟ้า: ในช่วงเดือนกรกฎาคม มีการประกาศปิดน่านฟ้าบางส่วน ทำให้บางเที่ยวบินหลีกเลี่ยงการบินผ่านกัมพูชา

การลดลงของรายได้ในรูปเงินบาท: จาก 476 ล้านบาท เป็น 450 ล้านบาท, แต่ในรูปเงินเหรียญลดลง 3% (จาก 14.4 ล้านเหรียญ เป็น 13.9 ล้านเหรียญ)

4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**

การจัดการผลกระทบจากการปิดน่านฟ้า: หลังจากช่วงที่ปิดน่านฟ้า สถานการณ์เริ่มกลับมาเป็นปกติ, และเที่ยวบิน Landing Take-off ระหว่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้น (1.6%) แม้ว่าเที่ยวบินภายในประเทศจะลดลง (24%)

5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**

จำนวนเที่ยวบินสะสม 9 เดือน: เที่ยวบิน Overflight อยู่ที่ 64,661 เที่ยว (90% ของจำนวนเที่ยวบินทั้งปีของปีก่อน), มีรายได้สะสม 9 เดือนอยู่ที่ 967 ล้านบาท

เที่ยวบิน Inter Landing Take-off: จำนวน 21,877 เที่ยว (83% ของเที่ยวบินรวมของปีก่อน), มีรายได้ 447 ล้านบาท

เที่ยวบิน Domestic Landing Take-off: จำนวน 3,722 เที่ยว (69% ของปีก่อน), มีรายได้ 12 ล้านบาท

แนวโน้มจำนวนเที่ยวบิน: ในทุกๆ ไตรมาสของปีนี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

รายได้ในรูปสกุล USD: ไตรมาส 1 อยู่ที่ 14.7 ล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 28%), ไตรมาส 2 อยู่ที่ 14.4 ล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 20%), และไตรมาส 3 อยู่ที่ 13.9 ล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 12%)

รายได้รวมสะสม 9 เดือน: อยู่ที่ 1,568 ล้านบาท (รายได้หลักจากการให้บริการตามจำนวนเที่ยวบิน 1,426 ล้านบาท)

การเปิดสนามบินใหม่: สนามบินเตโชเปิดในเดือนกันยายน, ทำให้ต้องรับรู้รายได้ตามสัญญาสัมปทาน 140 ล้านบาท (และรับรู้ต้นทุนในจำนวนที่เท่ากัน, ไม่กระทบ Net Profit)

Gross Profit Margin สะสม 9 เดือน: 735 ล้านบาท (51.5%), ไม่รวมรายได้ตามสัญญาสัมปทาน

Net Profit Margin: 400 ล้านบาท (28%), ไม่รวมรายได้ตามสัญญาสัมปทานในการคำนวณ

อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA): ณ สิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ประมาณ 25%

อัตราผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE): อยู่ที่ 38%

โครงสร้างของทุน: Debt to Equity อยู่ที่ 0.7 เท่า (เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนเล็กน้อย), เนื่องจากการจ่ายปันผล 2 ครั้ง (รวม 575 ล้านบาท) และการประมาณการหนี้สินระยะยาวจากการลงทุนในสัญญาสัมปทาน

สินทรัพย์รวม: 2,163 ล้านบาท (สินทรัพย์หลักคือ Intangible Asset 1,200 ล้านบาท, เงินสด 666 ล้านบาท, และเงินฝาก 71 ล้านบาท)

หนี้สินรวม: 901 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน), ส่วนของผู้ถือหุ้น: 1,262 ล้านบาท (ลดลงจากสิ้นปีก่อน)

SAV เป็น Holding Company: รายได้หลักมาจากเงินปันผลจาก CATS (มีการหัก Withholding Tax 10%)

มีการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ (Asset Impairment) จากการยุติการใช้งานของสินทรัพย์ในสนามบินเก่า (พนมเปญ) รวม 19.3 ล้านบาท (บันทึกในไตรมาส 3 ประมาณ 5 ล้านบาท)

คาดการณ์ Net Profit: หากรวม Other Expense และค่าใช้จ่าย One-time จะอยู่ที่ประมาณ 146 ล้านบาท

Outlook ของ SAV: รายได้หลักมาจากการบินผ่าน (68-70%), โดยมี 6 ประเทศหลักที่บินผ่านกัมพูชาเยอะ (เวียดนาม, ไทย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, จีน, และสิงคโปร์)

การเติบโตของเที่ยวบิน Overflight: เวียดนามเติบโต 16.8%, ไทย 15%, มาเลเซีย 95%, จีนเกือบ 120%, และสิงคโปร์ 57%

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ทำให้มีการสั่งปิดน่านฟ้าบางส่วนในเดือนกรกฎาคม, แต่ผลกระทบไม่มากนัก และสถานการณ์เริ่มกลับมาเป็นปกติ

Tourism Outlook: ใน 7 เดือนแรก กัมพูชามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 16%, แต่หลังสงครามทำให้นับเป็น 9 เดือน นักท่องเที่ยวลดลง 8.8% (นักท่องเที่ยวหลักคือ ไทย, จีน, เวียดนาม, และมาเลเซีย)

โครงการพิเศษ: การขายอุปกรณ์วิทยุการบินให้ AERO THAI (มูลค่า 1,100 ล้านบาท), และโครงการ Foreign Object Debris (FOD) ร่วมกับ แดนไทย อีควิปเม้นท์ (มูลค่า 1,280 ล้านบาท)

6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 44:46]**
    1. **หัวข้อ: นโยบายการจ่ายปันผลและการเติบโตของบริษัท**
      • คำถาม: ผู้บริหารมั่นใจเพียงใดว่าจะสามารถรักษาการจ่ายปันผลแบบนี้ได้อย่างต่อเนื่อง
      • คำตอบ: นโยบายปันผลคือจ่ายประมาณครึ่งหนึ่งของกำไร แต่ในช่วงที่ผ่านมามีการจ่ายประมาณ 90 สตางค์ต่อหุ้น เนื่องจากบริษัทแม่ต้องการเงินปันผลด้วย คาดการณ์ว่าการเติบโตของรายได้และกำไรจะช่วยให้สามารถรักษาการจ่ายปันผลในราคาประมาณนี้ได้
    2. **หัวข้อ: ความคืบหน้าในประเทศลาว**
      • คำถาม: สอบถามความคืบหน้าในลาว
      • คำตอบ: ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร
    3. **หัวข้อ: ปัจจัยที่มีผลต่อการเติบโตของการบิน**
      • คำถาม: การเติบโตของเที่ยวบินที่ผ่าน Overflight และเที่ยวบินเข้าออกประเทศในกัมพูชามีความสัมพันธ์กับปัจจัยอะไรบ้าง และบริษัทคาดการณ์การฟื้นตัวสู่ระดับก่อนโควิดเมื่อใด
      • คำตอบ: การเติบโตของ Overflight มาจากการที่นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยน้อยลงและไปเที่ยวประเทศอื่นมากขึ้น การบินจากยุโรปมาโฮจิมินห์ก็ผ่านกัมพูชาด้วย ปัจจัยหลักของการบินเข้าออกประเทศคือกการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น แม้จำนวน Flight จะยังไม่เท่าก่อนโควิด (ปี 2019 มี 133,000 Flight) แต่คาดว่าปีหน้าน่าจะใกล้เคียง
    4. **หัวข้อ: ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจในกัมพูชา**
      • คำถาม: เนื่องจากรายได้หลักขึ้นอยู่กับสัญญาสัมปทานและการดำเนินงานในกัมพูชาเพียงแห่งเดียว ผู้บริหารคิดว่ามีความเสี่ยงด้านนโยบาย กฎหมาย และความมั่นคงทางการเมืองของประเทศหรือไม่ และมีแนวทางแก้ไขอย่างไร
      • คำตอบ: SAV ถือหุ้นใน CATS 100% การกำกับดูแลกิจการจึงอิงตาม SAV ที่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว สัญญาเดิมที่เซ็นไว้กับรัฐบาลกัมพูชามี Clause ที่ระบุว่าถ้าโดนยึดสัมปทาน สามารถฟ้องศาลที่สิงคโปร์ได้โดยใช้กฎหมายที่นิวยอร์ก จึงไม่กังวลมาก
    5. **หัวข้อ: ปัจจัยที่น่ากังวลในอนาคต**
      • คำถาม: มีปัจจัยอะไรที่ทางผู้บริหารกังวลมากที่สุดใน 12 เดือนข้างหน้า
      • คำตอบ: ยังไม่มีความกังวลอะไร คาดหวังว่าจำนวน Flight จะเพิ่มขึ้นทั้งการบินผ่านและ Inter หวังว่าเรื่องการสู้รบกันหรือปัญหาของทั้งสองประเทศจะเบาลง เพื่อให้ Inter กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
    6. **หัวข้อ: นโยบายการซื้อหุ้นคืน**
      • คำถาม: ผู้บริหารคิดว่าราคาหุ้นยังต่ำกว่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ และมีนโยบายซื้อหุ้นคืนหรือไม่ เพราะอะไร
      • คำตอบ: เรื่องราคาตอบไม่ได้ แต่มีการซื้อหุ้นคืนไปแล้วและเลยกำหนดเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนได้แล้ว
    7. **หัวข้อ: แผนการลงทุนในอนาคต**
      • คำถาม: ในระยะกลางคาดว่าจะมีธุรกิจหรือมีการลงทุนใหญ่ๆ ด้านใดเป็นหลัก พอจะแย้มโปรเจกต์ปีหน้าได้ไหม
      • คำตอบ: มีโปรเจกต์ที่ Pending รอประมูลอยู่ 2 โปรเจกต์ ซึ่งอาจมีการใช้เงินลงทุนบ้าง แต่ไม่มากนัก โปรเจกต์ปีหน้าคือ FOD และวิทยุการบินไทย ที่จะเสริมรายได้ขึ้นมา ซึ่งทั้งสองตัวนี้สามารถต่อยอดได้ในอนาคต
    8. **หัวข้อ: ผลกระทบจากความถี่ในการบินผ่านประเทศ**
      • คำถาม: ถ้าหากรายได้หลักของบริษัทมาจากการบินผ่านประเทศเป็นหลัก งั้นแสดงว่าถ้าลงทุนในประเทศที่มีประชากรน้อยอย่างลาวหรือพม่าที่มีคนเยอะ ก็มีความเสี่ยงไม่มาก เพราะรายได้ไม่ได้มาจากการลงจอดของเครื่องเป็นหลัก
      • คำตอบ: ใช่แล้ว ทั้งพม่า ลาว และกัมพูชา รายได้หลักก็มาจากการบินผ่านซะส่วนใหญ่
    9. **หัวข้อ: หุ้นที่ซื้อคืน**
      • คำถาม: จำนวนหุ้นที่ซื้อคืน บริษัทจะดำเนินการอย่างไรต่อไป จะขายหรือตัด
      • คำตอบ: ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่คิดว่าราคาที่ซื้อมาค่อนข้างต่ำกว่าที่เคยเทรดกันอยู่ อาจมีการตัดออกหรืออาจมีการขายในอนาคต ซึ่งยังไม่ได้มีการตกลงกัน จำนวนที่ซื้อมาทั้งหมดก็ไม่ได้เยอะมาก ประมาณ 16 ล้านบาท ก็ประมาณล้านกว่าหุ้น
    10. **หัวข้อ: กำลังใจจากผู้ฟัง**
      • คำถาม: เชื่อมั่นในผู้บริหาร ติดตามมา 3 Q แล้วทำได้ตามที่พูด เอาใจช่วยในโปรเจกต์ถัดไป รวมถึงสามารถด้วย
      • คำตอบ: ขอบคุณมากที่ให้ความไว้วางใจ พยายามทำให้เต็มที่ที่สุด ไม่ต้องเป็นห่วง

โดยสรุป, SAV ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แม้จะมีความท้าทายจากสถานการณ์ภายนอกต่างๆ, แต่บริษัทก็มีกลยุทธ์ในการรับมือและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ. การเพิ่มขึ้นของเที่ยวบิน Overflight และการขยายธุรกิจไปยังโครงการใหม่ๆ เป็นโอกาสในการเติบโตในอนาคต, ในขณะที่การจัดการความเสี่ยงและการควบคุมต้นทุนยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสามารถในการทำกำไรของบริษัท.

โพสต์ล่าสุด