บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
JMART กำไรทรุด 67.7% แม้รายได้รวมโต เหตุ NPL ต่ำกว่าเป้า!
P/E 15.69 YIELD 3.48 ราคา 6.90 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ:
JMART รายได้รวมโต 11.6% แต่กำไรสุทธิร่วง 67.7% เหตุธุรกิจบริหารหนี้ NPL ต่ำกว่าเป้า ต้องตั้งสำรอง ECL เพิ่มขึ้น
ผลประกอบการไตรมาส 3/2568:
บมจ. เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 มีรายได้รวม 3,894.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นลดลง 67.7% เหลือ 82.5 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) จัดเก็บหนี้ได้ต่ำกว่าเป้าหมาย ทำให้ต้องตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL) เพิ่มขึ้น รวมถึงผลขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
ถึงแม้ธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือจะมีการเติบโตที่ดี แต่ผลกระทบจาก NPL ที่ต่ำกว่าเป้าหมายส่งผลกระทบต่อกำไรโดยรวมของ JMART นอกจากนี้ JMART ยังมีการลงทุนในบริษัทร่วม เช่น บมจ. เอสจี แคปปิตอล (SGC) ซึ่งมีการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานโดยเน้นการปล่อยสินเชื่อด้วยเทคโนโลยีที่รัดกุมมากขึ้น
รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้าเพิ่มขึ้น 23.4% จากการเติบโตของยอดขายในธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือ ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยจากเงินซื้อลูกหนี้และกำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ลดลง 7.4% เนื่องจากการจัดเก็บหนี้จากพอร์ตลูกหนี้ด้อยคุณภาพลดลง รายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น 13.2% จากการเปิดศูนย์การค้า JAS Green Village ส่วนรายได้จากการรับประกันภัยลดลง 38.3% เนื่องจากเน้นให้บริการประกันภัยในกลุ่มที่มี Loss Ratio ต่ำลง
ข้อสังเกตและวิเคราะห์:
สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 3.8% จากสิ้นปี 2567 เป็น 61,935.7 ล้านบาท หลักๆ มาจากเงินสดที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ของ JMT ขณะที่หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 10.7% เป็น 28,310.9 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นกู้สุทธิ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) เพิ่มขึ้นจาก 0.76 เท่า เป็น 0.84 เท่า
JMART รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 30% ใน Suki Teenoi จำนวน 241 ล้านบาท (ก่อนหักการปันส่วนราคาซื้อ) และขายหุ้นใน PRTR จำนวน 14.99% โดยบันทึกเงินลงทุนภายใต้ FVOCI ซึ่งไม่กระทบต่อผลกำไรขาดทุนของบริษัท
บริษัทมุ่งเน้นการสร้างรายได้ภายใต้การบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะโครงการสินเชื่อมือถือภายใต้ความร่วมมือกับ Samsung Finance+ และ SG Finance+ พร้อมทั้งดำเนินนโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด และปรับลดจำนวนสาขาที่ไม่ก่อให้เกิดกำไร
สรุป:
JMART เผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการหนี้ NPL ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2568 แม้ว่ารายได้รวมจะมีการเติบโตก็ตาม บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารสภาพคล่องทางการเงินอย่างเคร่งครัด และวางแผนการชำระหนี้อย่างเป็นระบบ รวมถึงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจบนเส้นทางการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม