บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ: INSURE โชว์กำไรสุทธิ Q3/68 โต 39% จากปีก่อนหน้า ขับเคลื่อนด้วยประกันภัยรถยนต์ แม้เจอปัญหาค่าสินไหมทดแทนแผ่นดินไหวพุ่ง แต่ยังคุมอยู่ได้ด้วยประกันภัยต่อ

บริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) (INSURE) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 สุดปัง! ทำกำไรสุทธิ 98 ล้านบาท หรือ 8.24 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นถึง 39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 70 ล้านบาท (5.79 บาทต่อหุ้น) ปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ที่เป็นดาวเด่น อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายในการบริการประกันภัยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการปรับปรุงประมาณการค่าสินไหมทดแทนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว แต่ด้วยการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี โดยเฉพาะการทำประกันภัยต่อ ทำให้ผลกระทบต่อกำไรสุทธิอยู่ในวงจำกัด

ผลงานและตัวเลขที่น่าสนใจ: INSURE เติบโตในตลาดประกันวินาศภัย พร้อมมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน

ในไตรมาส 3 ปี 2568 อุตสาหกรรมประกันวินาศภัยโดยรวมมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 217,121 ล้านบาท เติบโต 3.6% โดย INSURE มีส่วนแบ่งการตลาด 1.7% อยู่ในอันดับที่ 18 ของอุตสาหกรรม นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน โดยมีการลงทุนอย่างยั่งยืนโดยประเมินด้าน ESG คิดเป็น 95% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด รวมถึงส่งเสริมความรู้ด้านการประกันและการบริหารความเสี่ยงให้กับคู่ค้าและลูกค้า และมีเป้าหมายในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการประกันให้กับผู้มีรายได้น้อยผ่านการประกันภัยแบบไมโครอินชัวร์รัน

ข้อสังเกตและสิ่งที่ต้องจับตา: แม้ Q3 สวยหรู แต่ 9 เดือนแรกกำไรทรุด เหตุแผ่นดินไหว

แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาส 3 จะเติบโตอย่างน่าประทับใจ แต่สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 กำไรสุทธิของ INSURE กลับลดลงถึง 95.7% เหลือเพียง 7 ล้านบาท (0.62 บาทต่อหุ้น) จาก 171 ล้านบาท (15.91 บาทต่อหุ้น) ในช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่ารายได้จากการประกันภัยรวมจะเพิ่มขึ้น 13.2% เป็น 4,225 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายในการบริการประกันภัยพุ่งขึ้นถึง 156.8% จากการตั้งประมาณการค่าสินไหมทดแทนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งเป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

สรุปและแนวโน้ม: INSURE ยังคงแข็งแกร่ง พร้อมรับมือความเสี่ยงและมุ่งสู่ความยั่งยืน

โดยสรุปแล้ว ปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อรายได้และกำไรของ INSURE ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 คือการเติบโตของรายได้จากการประกันภัย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการบริการประกันภัยจากการปรับปรุงประมาณการค่าสินไหมทดแทนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อกำไรสุทธิอยู่ในวงจำกัดเนื่องจากมีการทำประกันภัยต่อไว้ บริษัทมีความแข็งแกร่งทางการเงินและมีการจัดการความเสี่ยงที่ดี โดยมีการประเมินความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและมีการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง