บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR โดยให้ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท มองว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น

คาดการณ์ผลประกอบการ Q3/25 เติบโตโดดเด่น

หยวนต้าคาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 3/25 อยู่ที่ 109 ล้านบาท ลดลง 13% QoQ แต่เติบโตถึง 116% YoY การเติบโต YoY มาจากรายได้ค่าตั๋วหนังที่เพิ่มขึ้น 35% เป็น 1,058 ล้านบาท จากภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่หลายเรื่อง เช่น Jurassic World Rebirth, Superman, The Fantastic Four: First Steps และดาบพิฆาตอสูร (ภาคปราสาทไร้ขอบเขต) นอกจากนี้ รายได้จากการจำหน่ายอาหารและป๊อปคอร์นก็เติบโตตามไปด้วย

แม้ว่า QoQ จะลดลงเล็กน้อยเนื่องจากรายได้ค่าโฆษณาที่ลดลงและการบันทึกค่าตัดจำหน่ายจากการคืนพื้นที่โรงภาพยนตร์ที่พารากอน แต่โดยรวมแล้วประสิทธิภาพในการทำกำไรดีขึ้น โดย EBITDA Margin ปรับเพิ่มจาก 19.8% ใน Q3/24 เป็น 21.3% ใน Q3/25

แนวโน้ม Q4/25 ยังคงสดใส

หยวนต้าคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง YoY ในไตรมาส 4/25 เนื่องจากมีภาพยนตร์ที่คาดว่าจะทำรายได้เกิน 100 ล้านบาทหลายเรื่อง เช่น ธี่หยด3, Avatar3, อีเรียมซิ่ง2 และ อนงค์2 นอกจากนี้ ธุรกิจอื่นๆ ก็คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องเช่นกัน เช่น ธุรกิจป๊อปคอร์นและการขายโฆษณา

นอกจากนี้ MAJOR ยังได้จับมือกับบริษัท เถ้าแก่น้อยฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) ตั้งบริษัทร่วมทุน "ทีเคเอ็น แอนด์ เมเจอร์ ป๊อปคอร์น จำกัด" ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 1 พ.ย. 2568 โดยตั้งเป้ารายได้ปีแรกราว 200 ล้านบาท

สรุปและคำแนะนำ

หยวนต้ามองว่าราคาหุ้น MAJOR ที่ปรับลดลงได้สะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอในครึ่งปีแรกไปแล้ว และคาดหวังว่าผลประกอบการจะพลิกกลับมาเติบโตโดดเด่นตั้งแต่ในไตรมาส 3/25 อีกทั้งราคาปัจจุบันถือว่าถูกซื้อขายที่ PER เพียง 10.2x ซึ่งต่ำกว่าช่วงวิกฤตการแพร่ระบาด COVID-19 จึงคงมูลค่าพื้นฐานปี 2568 ที่ 13.50 บาท พร้อมคำแนะนำ "ซื้อ"

วิธีคิดราคาเป้าหมาย: อิง DCF (Discounted Cash Flow) โดยใช้ WACC ที่ 8.2% (Ke 9.9%) และ Terminal growth 2%