บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
JMAR OPP DAY Q2 ปี 2568: เจาะลึกกลยุทธ์เติบโต, ขยายฐานธุรกิจ, และรับมือความเสี่ยง
P/E 15.69 YIELD 3.48 ราคา 6.90 (0.00%)
JMAR OPP DAY Q2 ปี 2568: เจาะลึกกลยุทธ์เติบโต, ขยายฐานธุรกิจ, และรับมือความเสี่ยง
สวัสดีครับท่านนักลงทุน วันนี้มาพบกับ Set Opportunity Day ของกลุ่มบริษัท Jay Mart Group Holding จํากัด มหาชน ในส่วนของผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี พ.ศ. 2568 และ Outlook สําหรับปี 2568 นี้
ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหา ขอแนะนําผู้บริหารที่เข้าร่วมในวันนี้ ได้แก่
- คุณ อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART Group Holding
- คุณ กิติพัฒน์ ชลวุฒิ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART Group Holding
- คุณ ปิยะ พงศ์อัชฌา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART Group Holding
- คุณ เอกชัย สุขุมวิทยา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART Group Holding
- คุณ ดุสิต สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Jay Mart Mobile
- Mr. No Hannuuno ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KBJ Capital
- คุณ สุพจน์ ศิริกุลภัทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร J Asset
- คุณ นราทิพย์ วิรุณชาตพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Singer ประเทศไทย
- คุณ อโนทัย ศรีเตียเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ SG Capital
- คุณ สุทธิรักษ์ ไตรชิระอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร J&T Network Services
สําหรับการ Presentation ในวันนี้ จะแบ่งเป็นช่วงแรกคือกลุ่ม Jay Mart และ Jay และเป็นกลุ่ม non listed ก่อน หลังจากนั้นเป็นกลุ่มบริษัท Singer และ SG Capital และช่วงสุดท้าย J&T Network Services
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ใน Quarter 2 ที่ผ่านมา JMART Group Holding ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสําคัญ โดยยังคงโฟกัสธุรกิจใน 3 กลุ่มหลัก Commerce, Finance และ Technology
- Commerce: มีการเติบโตอย่างชัดเจน โดยเฉพาะธุรกิจมือถือ อันเป็นผลสืบเนื่องจากการปล่อยสินเชื่อ
- Finance: ส่วนของการปล่อยสินเชื่อมีการเติบโตที่ดี ส่วนการจัดเก็บหนี้อาจมีการย่อตัวลงบ้าง
- Technology: มีการนํา business ในกลุ่มของเทคโนโลยีมาอัพเดทให้กับนักลงทุน
ผลการดําเนินงานใน Quarter 2 ที่ผ่านมา บริษัทรายงานกําไรสุทธิอยู่ที่ 111 ล้านบาท ลดลง 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และลดลงจาก Quarter 1
แต่หากไม่รวมกลุ่ม non cash item โดยเฉพาะ unreleased loss จากการ mark to market ตัวของราคาหุ้น 74 ล้านบาท และไม่รวมรายการ fair value loss ในบริษัท J Asset กําไรที่เป็น operation ใน Quarter 2 จะอยู่ที่ 259 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก Quarter 1
ธุรกิจที่มีการเติบโตคือกลุ่ม Commerce และ Finance โดย Jay Mart Mobile มีกําไร 30 ล้านบาท เติบโต 58% เนื่องจากการขยาย mobile network ออกไป
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
บริษัทเห็นโอกาสในการเติบโตใน 3 เรื่องหลัก
- ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ: 75% ของธุรกิจมือถือมาจากการซื้อขายผ่านธุรกิจสินเชื่อ โดย 25% ผ่านบัตรเครดิต และอีกครึ่งหนึ่งผ่าน non bank บริษัทเป็น Key player โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม iPhone, Samsung, China brand
- JMT: ยังเป็นบริษัทที่แข็งแกร่ง มีมูลหนี้ในพอร์ตมากกว่า 500,000 ล้านบาท และยังสามารถทํากําไรได้เป็นหลักพันล้าน
- Sukishi: ยังเป็นแค่การเริ่มต้นของธุรกิจอาหารในรูปแบบของการขยายสาขา ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 87 สาขา โอกาสในการขยายธุรกิจยังอีกมาก
บริษัทจะโฟกัสที่ iPhone ในไตรมาส 3 และ 4 โดยจะเริ่มทํา Sandbox ในกลุ่มของ Jay Mart เพื่อให้มั่นใจว่า infrastructure ที่มีอยู่ทั้งหมดสามารถเดินได้อย่างแข็งแรงและควบคุม NPL ได้อย่างมีมาตรฐาน
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
JMT ได้รับผลกระทบจาก ECL ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับปีที่ผ่านมา
Singer มีรายการที่เป็น non cash item ที่เป็น one time เกิดขึ้น และมี expense ที่เป็น one time เกิดขึ้น แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว Quarter 2 ก็ยังคงมากกว่า Quarter 1
J Asset มีรายการที่เป็น fair value loss ที่เกิดขึ้นใน Quarter 2 ที่ผ่านมา
มีการแข่งขันที่สูงขึ้นในธุรกิจ Sukishi ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายและอัตรากําไร
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
SG Capital รีlocate พอร์ตจากพอร์ตเดิมที่เป็น C4C เป็น Car for Cash กลายมาเป็น mobile landing phone
บริษัทมีการเตรียมเงินไว้สําหรับหุ้นกู้ที่ครบกําหนดในเดือนตุลาคม 2568 จํานวน 2,387 ล้านบาท และเดือนพฤษภาคม 2569 อีกหนึ่งล็อต โดย source of fund มาจาก cash on hand, marketable asset และ investment ที่ลงทุนอยู่
บริษัทมี divident และ long term loan จาก financial institution เพื่อมา match ตัวของหุ้นกู้ที่จะครบกําหนดภายในปีนี้
บริษัทมี ratio ค่อนข้างต่ํา ต่ํากว่า 1 อยู่ที่ 0.6 เท่าเท่านั้น โดยมีการออกหุ้นกู้ในบริษัท ย่อยและคืนชําระหุ้นกู้ไป liability เพิ่มขึ้นเล็กน้อย equity ยังคงใกล้เคียงกับช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 34,000 ล้านบาท
ภายใต้กลุ่มบริษัท Jay Mart Group Holding มี Central of Excellence (COE) ซึ่ง lead โดยคุณเอกชัย สุขุมวิทยา เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและ innovation ต่างๆ
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
คุณอดิศักดิ์เชื่อว่าจากนี้ไปทุกธุรกิจถ้าหากสามารถ scale ได้ก็มีโอกาสชนะ แต่ถ้า scale ไม่ได้โอกาสในการชนะหรือเติบโตคงยาก
Driver ในหมวดของมือถือจะเป็น Key business และบริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถนําธุรกิจนี้ทํากําไรให้กลุ่มได้อย่างแข็งแรง
JMT ยังเป็นบริษัทที่แข็งแรงและเป็นตัวขับเคลื่อนที่สองของกลุ่ม โดยคาดว่าจะผงกหัวขึ้นในไตรมาส 3 และ 4 หลังจากผ่านไตรมาส 2 ที่เชื่อว่าเป็นไตรมาสที่ต่ําที่สุดแล้ว
Sukishi ยังเป็นแค่การเริ่มต้นของธุรกิจอาหารและยังมีโอกาสในการขยายธุรกิจอีกมาก
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้นนาทีที่ 13:59
- Q: การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจของ Sukishi จะส่งผลกระทบต่อยอดขายและอัตรากําไรในช่วงครึ่งปีหลังหรือไม่?
- Q: มีธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็น New S Curve อีกหรือไม่?
- Q: การลงทุนใน ตี๋โอ เป็นอย่างไรบ้าง?
- Q: iPhone Sandbox ตัว Lock Phone เหมือนเจ้าอื่น ๆ หรือไม่ และต่างจากที่อื่นอย่างไร?
- Q: พนักงาน Jay Mart ดูงานบริการเหมือนไม่มีแรงจูงใจในการทํางาน และลูกค้าเดินเข้าร้านก็น้อย?
- Q: ไตรมาสที่เหลือบริษัทมีความกังวลในเรื่องใดบ้าง?
A: คุณกิติพัฒน์ตอบว่าคงจะหลีกเลี่ยงสภาพการแข่งขันที่รุนแรงไม่ได้ แต่บริษัทยังมี Room ในการขยายสาขาใหม่ ทั้ง Sukishi ตี๋น้อย และตี๋น้อย บาร์บีคิว และแผนอีกหนึ่งร้านที่จะเปิดขึ้น นอกจากนี้บริษัทพยายามที่จะมีเมนูใหม่ ๆ สร้างความคุ้มค่าเพื่อดึงดูดลูกค้า และจะเน้นเรื่อง Cost efficiency
A: คุณอดิศักดิ์ตอบว่ามีธุรกิจที่ทําบน COE ที่เป็น Generation 2 ที่เอาเทคโนโลยีเข้ามา break through ธุรกิจที่ทําอยู่ และจะมีเพิ่มให้เห็นเร็ว ๆ นี้
A: คุณกิติพัฒน์ตอบว่าปีที่แล้วกําไร 7 ล้านบาท หลังจากการเข้าลงทุนก็มีกําไร และปีนี้ก็ยังคงมีกําไร แต่ธุรกิจเรื่อง MCN มีการแข่งขันที่ดุเดือด และแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ปรับเพิ่มอัตราการเก็บค่าแพลตฟอร์มฟรีขึ้นมา ซึ่งอาจมีผลกระทบอยู่บ้าง แต่ยังคงบวกอยู่
A: คุณดุสิตตอบว่าในส่วนของเทคโนโลยีที่ใช้ ขอสงวนเป็น Confidential ภายใน แต่จะพยายามดูในเรื่องของ Credit scoring ที่จะบริหารพอร์ต iPhone ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น
A: คุณดุสิตตอบว่าขอบคุณสําหรับคอมเม้นท์ และรับกลับไปปรับปรุง โดยปัจจุบัน JMART Mobile มีดัชนีชี้วัดในเรื่องของการให้บริการ และมีระบบ NPS Score ในการตรวจสอบการให้บริการของพนักงาน และจะน้อมรับที่จะปรับปรุงให้ทีมงานมีความกระตือรือร้นมากกว่านี้ พร้อมกับการส่งมอบการบริการที่ดีกว่านี้
A: คุณอดิศักดิ์ตอบว่าบริษัทเชื่อว่าเรื่องความพยายามในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่ม รวมทั้ง ecosystem จะทําให้ทํา Synergy ได้แข็งแรงมากขึ้น ปีนี้ก็เป็นปีที่ 10 แล้วที่ทําเรื่อง Synergy และจากนี้ไปจะทําธุรกิจทั้งหมดให้สามารถ Scale ได้ และสร้าง exponential ไม่ว่าจะเป็นผลกําไรและรายได้ และให้มันถาวรยั่งยืน
การลงทุน 4 ปี 5 ปีที่ผ่านมามีการลงทุนเยอะมาก ทุกครั้งก็หวังว่าจะได้ผลกําไรและผลตอบแทนที่ดี จากนี้ไปภาพที่จะเห็นคือการเติบโตของกลุ่มจากการสร้างธุรกิจ Commerce Tech, Fintech และ Tech Tech ที่ทําเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยี โดยเชื่อในโครงสร้างที่สร้างมาทั้งหมด และเริ่มเห็นว่าการ Scale, การทําแพลตฟอร์ม และการมี ecosystem ที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงการทํา Synergy ที่แข็งแรงขึ้นจะทําให้การเติบโตทางด้านผลกําไรแข็งแรงขึ้น
สําหรับวันนี้ งาน Set Opportunity Day ของกลุ่มบริษัท Jay Mart ขออนุญาตสิ้นสุดเพียงเท่านี้ หากมีคําถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของกลุ่มบริษัท Jay Mart ได้
### หัวข้อที่ถามและคำตอบจากผู้บริหาร (Q&A Summary):- ความเสี่ยงธุรกิจ Lock Phone?
- Single ได้รับ License จากธนาคารแห่งประเทศไทย คอนเซิร์นเรื่อง Market Conduct เป็นอันดับต้นๆ ยังไม่มี Case ร้องเรียนเกิดขึ้น และมี Call Center ให้ติดต่อตลอดเวลา
- เป้าหมายการลด ECL ในอนาคต?
- จะพยายามลด ECL ให้ได้ 20% ใน Q3-Q4 เมื่อเทียบกับ Q2 โดย JMT จะมองไปที่อนาคตและ Conservative ในการตั้ง ECL มองว่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ECL จะ Revert กลับมาเป็นรายได้
- แผนธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติมนอกจาก Lock Phone?
- มีธุรกิจ Generation 2 ใน COE ที่เอาเทคโนโลยีเข้ามา Break Through ธุรกิจเดิม
- การลงทุนใน ตี๋โอ เป็นอย่างไร?
- ปีที่แล้วกําไร 7 ล้านบาท แต่ธุรกิจ MCN แข่งขันสูง และ Platform มีการปรับราคา แต่โดยรวมยังคงบวกอยู่
- เรื่องการบริการพนักงานของ JMART Mobile?
- จะนํา Feedback ไปปรับปรุงและกระตุ้นพนักงานให้ดีขึ้น
- มุมมองต่อการแข่งขันและโอกาสในอนาคต?
- ต้อง Scale ธุรกิจได้ และสร้าง Exponential ในผลกําไรและรายได้
โดยสรุปแล้ว JMART มุ่งเน้นการขยายธุรกิจในด้าน Commerce, Finance, และ Technology โดยใช้แพลตฟอร์มและเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก พร้อมทั้งให้ความสําคัญกับการบริหารความเสี่ยงและการสร้างผลกําไรที่ยั่งยืนในระยะยาว