สรุป Oppday HMPRO: วิเคราะห์ผลกระทบธุรกิจ ฝ่าวิกฤตอากาศแปรปรวน คว้าโอกาสเติบโตปี 2568

P/E 13.53 YIELD 6.81 ราคา 6.40 (0.00%)

สรุป Oppday HMPRO: วิเคราะห์ผลกระทบธุรกิจ ฝ่าวิกฤตอากาศแปรปรวน คว้าโอกาสเติบโตปี 2568

สวัสดีนักลงทุนทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่กิจกรรมบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน Opportunity Day ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ของบริษัท Home Product Center จำกัด มหาชน

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

  • รายได้รวมลดลง 3.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
  • อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 25 basis points
  • ยอดขายสาขาเดิม (Same Store Sales Growth) ของ HomePro ในช่วงครึ่งปีแรกลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  • ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 35 ล้านบาท เนื่องจากการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2566 และการทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว
  • ยอดขายตามงบการเงินรวมลดลง 3.2% ในช่วงครึ่งปีแรก และลดลง 5.8% ในไตรมาสที่ 2
  • ยอดขายของ HomePro ในไตรมาสที่ 2 ลดลง 6.5% ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ผิดปกติในเดือนเมษายนและพฤษภาคม
  • กำลังซื้อของผู้บริโภคและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงอ่อนแอ
  • ยอดขายในประเทศมาเลเซียลดลง 13.7% ในช่วงไตรมาสที่ 2
  • รายได้จากกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าร่วม (Co-Promotion) ลดลง 13%

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

  • การขยายสาขาในรูปแบบ Hybrid Store ที่มีต้นทุนการลงทุนต่ำกว่าสาขา Standalone
  • การพัฒนา Marketplace ออนไลน์เพื่อจำหน่ายสินค้าที่ไม่ได้มีวางขายในหน้าร้าน
  • การขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นผ่านแพลตฟอร์ม TikTok Shop
  • การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าตลอดช่วงชีวิตของสินค้าผ่านโครงการ Trade-in
  • การขยายการให้บริการ Home Service อย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงแพลตฟอร์มให้ครอบคลุมและใช้งานง่ายขึ้น

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

  • สภาพอากาศที่ผิดปกติส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้ากลุ่มเครื่องทำความเย็น
  • สภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอส่งผลต่อกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
  • การแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น
  • ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
  • ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความขัดแย้งตามแนวชายแดน

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

  • การควบคุมค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ค่าใช้จ่ายด้านพนักงาน, ค่าไฟฟ้า, และค่าใช้จ่ายทางการตลาด
  • การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่สาขาเพื่อลดค่าไฟฟ้า (ติดตั้งไปแล้ว 105 สาขา)
  • การควบคุมค่าใช้จ่ายทางการตลาดให้เหมาะสม โดยเน้นดูสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขาย
  • การจัดกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆ ให้เหมาะสมกับตัวยอดขายที่ได้รับ
  • การสร้างคลังสินค้าใหม่พร้อมติดตั้งระบบ AS/RS (Automated Storage and Retrieval System)
  • การนำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์การสั่งซื้อสินค้าและกำหนดราคาที่เหมาะสม

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

  • การเติบโตของธุรกิจ Omni-Channel โดยเน้นการขยายสาขาในรูปแบบ Hybrid Store
  • การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ Supply Chain ผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีและคลังสินค้าอัตโนมัติ
  • การขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และการพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
  • การเติบโตของธุรกิจ Private Brand โดยตั้งเป้าสัดส่วนยอดขาย 22% สำหรับ HomePro และ Mega Home

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [00:27:06]

  1. **ผลกระทบจากสภาพอากาศต่อยอดขายและการปรับตัว**
    • สภาพอากาศที่แปรปรวน (ฝนตกตั้งแต่ช่วงต้นปี) ส่งผลกระทบต่อยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทำความเย็น
    • Mega Home ได้รับผลกระทบน้อยกว่า HomePro เนื่องจากมีสาขาน้อยกว่าและการกระจายตัวของสาขาในหลายภูมิภาคช่วยลดความเสี่ยง
  2. **สถานการณ์สาขาชายแดนและการแก้ไขปัญหา**
    • สถานการณ์ชายแดน (เช่น อรัญประเทศ) ส่งผลกระทบต่อยอดขาย Mega Home ในพื้นที่
    • HomePro ได้รับผลกระทบน้อยกว่าเนื่องจากสาขาส่วนใหญ่อยู่ในตัวเมือง
  3. **ประมาณการอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)**
    • ครึ่งปีแรก อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจากผลกระทบของยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า
    • ประมาณการทั้งปี: คาดว่าจะใกล้เคียงเดิม (Flat) หรือเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
  4. **ผลกระทบจากอากาศร้อนและการกลับมาของสินค้าทำความเย็น**
    • ยอดขายสินค้าทำความเย็นอาจกลับมาบ้าง แต่ไม่น่าจะชดเชยช่วงที่หายไปในไตรมาส 2 ได้ทั้งหมด
    • ต้องติดตามผลจากการลดดอกเบี้ยของ กนง. และหนี้ครัวเรือน
  5. **กลยุทธ์การจัดงานแฟร์และการตลาด**
    • ปีนี้อาจไม่มีงาน HomePro Expo ขนาดใหญ่ที่เมืองทองธานี
    • เน้น HomePro Super Expo ที่กระจายไปทั่วประเทศ
    • ให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายด้านการตลาดที่คุ้มค่าและตรงเป้าหมาย
  6. **ความคืบหน้าโครงการซื้อหุ้นคืน**
    • ยังดำเนินการต่อเนื่อง
    • เป้าหมาย 800 ล้านหุ้น (6%)
    • ปัจจุบันซื้อไปแล้วประมาณ 1.6%
    • โครงการสิ้นสุด 30 กันยายน
  7. **การซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่**
    • การซื้อหุ้นคืนทำผ่านตลาดหลักทรัพย์แบบ Auto Matching ไม่ได้เจาะจงผู้ถือหุ้นรายใหญ่
    • การตัดสินใจของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขึ้นอยู่กับมุมมองและกลยุทธ์ของแต่ละราย
  8. **การเช่า Warehouse แทนการลงทุนเอง**
    • บริษัทมีพื้นที่เหลืออยู่แล้วใน Area คลังสินค้า
    • การสร้างบนพื้นที่ของตนเองอาจดีกว่า
    • ในอดีตเคยมีการเช่า Warehouse ในบางจังหวัด/ช่วงเวลา (เช่น น้ำท่วม) แต่ไม่ใช่กลยุทธ์หลัก
  9. **ROI ของการลงทุนใน Warehouse ระบบ AS/RS**
    • เป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อรองรับการขยายสาขา
    • ระบบ AS/RS ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการจัดส่ง
    • ROI อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ และช่วยรองรับการขายผ่าน E-Commerce ที่เติบโตขึ้น
  10. **การพัฒนา HomePro Mall และช่องทางออนไลน์อื่น ๆ**
    • มีการเติบโตทั้งใน Platform ของตนเองและ Marketplace (Shopee, Lazada, TikTok)
    • เพิ่มความหลากหลายของสินค้าที่ขายออนไลน์
    • BU Online มีอัตราการทำกำไรที่ดี
    • สัดส่วนยอดขายจากช่องทางออนไลน์คิดเป็น 8% ของ Total HomePro

โดยสรุป HMPRO เผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก แต่ยังคงมุ่งเน้นการปรับตัว, ควบคุมค่าใช้จ่าย, และคว้าโอกาสใหม่ๆ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

โพสต์ล่าสุด