PTTEP เจาะลึกผลประกอบการ Q2/68: โอกาสและความท้าทายในตลาดพลังงานโลก

P/E 6.89 YIELD 9.08 ราคา 106.00 (0.00%)

PTTEP เจาะลึกผลประกอบการ Q2/68: โอกาสและความท้าทายในตลาดพลังงานโลก

1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**

ปตท.สผ. มี Market Cap อยู่ที่ 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 4.1 บาทต่อหุ้น ซึ่ง XD ไปเมื่อ 8 สิงหาคม และจะจ่ายในวันที่ 22 สิงหาคม 2568

บริษัทยึดมั่นในภารกิจหลัก โดยมีสัดส่วนการผลิตของ สผ. คิดเป็น 82% ของกำลังการผลิตก๊าซในอ่าวไทย และมีการเติบโตของปริมาณการขายอย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายในปี 2568 จะมีปริมาณการขายอยู่ที่ 512,000 - 517,000 บาร์เรลต่อวัน โดยส่วนใหญ่กว่า 70% เป็นก๊าซธรรมชาติ

บริษัท Maintain ต้นทุนการผลิตให้อยู่ที่ 30 เหรียญต่อบาร์เรล โดยครึ่งหนึ่งเป็นค่าตัดจำหน่าย ซึ่งหากดูในแง่ของ Cash Cost จะอยู่ที่ประมาณ 15 เหรียญต่อบาร์เรล

2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**

ปตท.สผ. มีภารกิจที่ชัดเจนในการเติบโตเพื่อความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศ (Energy Security) โดยเน้นการผลักดันและเร่งรัดการผลิตก๊าซให้มีความต่อเนื่อง เพื่อทดแทนการนำเข้า LNG จากต่างประเทศ

บริษัทมองว่าใน 5-10 ปีข้างหน้า จะสามารถรักษาระดับการผลิตที่ 2-3% ให้เติบโตต่อปีได้

ในการเติบโตในต่างประเทศ บริษัทเน้นในเรื่องของคุณค่าและความคุ้มค่าในการลงทุนกับพันธมิตรที่คุ้นเคยและอยู่ในพื้นที่ที่เป็นกลยุทธ์ของ ปตท.สผ.

3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**

ความเสี่ยงหลักมาจากความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลก, นโยบาย US Tariff, และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์

ความต้องการพลังงานในประเทศ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ ยังไม่เพียงพอ ทำให้ต้องนำเข้า LNG กว่า 10 ล้านตันต่อปี

4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**

บริษัทมีแคมเปญหลายแคมเปญเพื่อรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วยให้อยู่ที่ 30 เหรียญต่อบาร์เรล

การเร่งรัดการผลิตก๊าซในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า LNG

การเน้นการลงทุนในโครงการที่มีคุณค่าและความคุ้มค่า และอยู่ในพื้นที่ที่เป็นกลยุทธ์ของบริษัท

5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**

บริษัทเชื่อมั่นว่าก๊าซธรรมชาติจะเป็นแหล่งพลังงานที่มั่นคงและยั่งยืน กลยุทธ์หลักของ ปตท.สผ. คือการเป็น E&P (Exploration and Production) บริษัทที่ผลิตก๊าซธรรมชาติที่สะอาดมากขึ้น (Cleaner Gas)

บริษัทเน้นกลยุทธ์ 3D คือ Drive Value, Decarbonize, และ Diversify โดยเน้นหนักในเรื่องของ Carbon Capture และ Carbon Capture Service รวมถึงการขยายโอกาสการลงทุนใน E&P ที่มีธุรกิจ LNG พ่วงเข้าไปด้วย

6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session):** เริ่มต้นที่นาที 43.29
  • **เรื่องการ Right-off โครงการ Mexico Block 29**

    มีการ Right-off ในไตรมาส 2 ประมาณ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (39-40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยในครึ่งปีหลังไม่มีแผนที่จะบันทึกเพิ่มเติมหรือ Exit แต่อย่างใด

    Mexico เป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ในกลยุทธ์การ Exit ในการปรับพอร์ตของ ปตท.สผ. ซึ่งมีการปรับพอร์ตในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยออกจาก Canada, Brazil, Australia และ Mexico ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่ได้เป็น Non-Core Strategic Country

    มูลค่าที่ตัดจำหน่ายไปเป็นมูลค่าคงเหลือทั้งหมดแล้ว

  • **ภาวะอุปทานล้นตลาดของน้ำมันดิบ**

    Over Supply ในท้องตลาดส่งผลต่อราคาที่ลดลง ซึ่งบริษัทจับตามองอยู่ และในส่วนของราคาที่จะกระทบจะเป็นน้ำมัน (Crude Oil) ของบริษัทที่อยู่ในพอร์ตประมาณ 30% ดังนั้น 1 เหรียญของราคาน้ำมันที่ลดลงจะกระทบกำไรประมาณ 34 ล้านเหรียญสหรัฐ

    ส่วนใหญ่ของ ปตท.สผ. จะเป็นก๊าซ (Gas) ในพอร์ตมีอยู่ 70% ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง และมี Resilient ราคาของก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะผันผวนน้อย มี Lag Time ด้วย

    สิ่งที่บริษัทบริหารจัดการหลักๆ คือเรื่องของต้นทุน และ Maintain ต้นทุน โดยมี GOW of Thailand Safe Campaign รวมถึงผลักดันในการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง

  • **LNG (Liquefied Natural Gas)**

    การเปิดเสรีตลาดพลังงานกับสหรัฐฯ จะมีผลกระทบต่อ ปตท.สผ. อย่างไร

    ประเด็นเรื่อง US Tariff ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อก๊าซที่ขายในประเทศ แต่ผลกระทบทางอ้อมจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจทั้งโลกและของประเทศ

    ปตท.สผ. มีการผลิตก๊าซด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า LNG ดังนั้นการผลิตเพิ่มหรือรักษากาผลิตก๊าซของ ปตท.สผ. จะช่วยทดแทนส่วนนำเข้า LNG อยู่แล้ว การจัดการของ LNG ที่อาจจะเข้ามาของสหรัฐฯ จะไปอยู่ในพอร์ตของประเทศ ซึ่งไม่ได้กระทบโดยตรงกับ ปตท.สผ.

  • **Dividend Payout Ratio**

    Dividend Payout Ratio ที่ค่อนข้างสูงจะกระทบการลงทุนหรือไม่ และจะมีการเพิ่ม Interest Bearing Debt หรือเปล่า

    จากประมาณการกระแสเงินสด บริษัทมีความมั่นใจที่สามารถใช้ Cash Flow ที่เหลือรวมทั้ง Cash Flow จาก Operation และเงินสดที่ยังมีอยู่ในการสนับสนุนแผนงานตามที่ประกาศไว้ มั่นใจกระแสเงินสดมากพอที่จะ Cover ภาระทางภาษี (Tax) และ Capex Plan และยังมี Free Cash Flow ที่บวก 403

  • **แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568**

    แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 คาดว่าจะโตเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 โดยหลักเป็นเรื่องของแปลง A18 ที่จะเพิ่มตัว Sales Volume เข้ามา

    สำหรับทั้งปี 2568 จะมีหลายๆ โครงการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทั้งโครงการ G1/61 ที่เพิ่มกำลังการผลิต, Sinphuhorm และแปลง A18 ที่เพิ่มปริมาณการผลิตเข้ามา

    ครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะไตรมาส 4 จะมีปริมาณการขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะ Crude Load ในภูมิภาค Algeria, Oman และ Malaysia ทำให้เฉลี่ยทั้งปีปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 512,000 - 517,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน

  • **CCS (Carbon Capture and Storage)**

    สถานะปัจจุบันของ CCS ในอาทิตย์เป็นอย่างไร และมีแผนการที่จะ Contribute รายได้หรือกำไรได้อย่างไร

    โครงการ Carbon Capture จะเป็น Sandbox โครงการแรกในประเทศไทย ที่จะเป็น Pilot Project ในการเน้นย้ำของการก้าวเข้าสู่ Net Zero ภายในปี 2565 ของทางประเทศ

    โครงการได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท และได้ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายแล้ว (FID Plan) ซึ่งจะสามารถ First Injection ได้ภายในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้

    Contribution หลักคือส่วนที่ก๊าซมี Carbon Dioxide สูง โดยเราดักจับ Carbon Dioxide ตรงนี้แล้วกลับไปกักเก็บในหลุมผลิตที่ว่างเปล่าแล้ว ทำให้สามารถผลิต เราจะเอาก๊าซส่วนเพิ่มตรงนี้ไปขายได้

  • **Offshore Wind Farm**

    Operational Offshore Wind Farm ในประเทศสก็อตแลนด์ ยังเป็นไปตามแผนงาน โดยหลักพลังงานลมจะขึ้นกับ Seasonal ค่อนข้างเยอะ สำหรับประเทศสก็อตแลนด์ ในช่วงปลายปีต้นปีจะมีกระแสลมที่ค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับช่วงกลางปี Performance ก็จะค่อนข้างเป็น Seasonal

    สำหรับประเทศไทยมีการศึกษากำลังลมในอ่าวไทย แต่ยังไม่ได้มากที่ถึงขนาดจะผลิตกระแสไฟฟ้าได้ขนาดนั้น แต่ก็จะดูเหมือนกันว่าจะสามารถใช้ได้ไหมในแท่นผลิตกลางทะเลของเรา แต่ยังไม่มีแผน ณ ตอนนี้

โดยสรุป ปตท.สผ. ยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติและการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดพลังงานโลก และยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โพสต์ล่าสุด