สรุปงบล่าสุด STHAI
บริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง จำกัด (มหาชน) (STHAI) : ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567
บริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง จำกัด (มหาชน) หรือ STHAI ประสบกับผลประกอบการที่ลดลงอย่างมากในไตรมาส 3 ปี 2567 โดยมีรายได้จากการขายถุงมือยางจำนวน 80 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3 ปี 2566 ถึง 25% สาเหตุหลักมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นส่งผลให้ลูกค้าต้องจองราคาและการสั่งซื้อล่าช้า อย่างไรก็ตาม บริษัทมียอดขายถุงมือทั้งหมดจำนวน 60 ล้านชิ้น ลดลงจากปีก่อนหน้า 38% ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ยต่อชิ้นกลับปรับเพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2566 เนื่องจากสินค้าที่ขายเป็นสินค้าเฉพาะชนิดพิเศษมากขึ้น เช่น ถุงมือผ่าตัด ถุงมือแม่บ้าน ถุงมือควบคุมพิเศษ เป็นต้น ซึ่งจะสะท้อนถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนขายเฉลี่ยต่อชิ้นในไตรมาส 3 ปี 2567 ปรับสูงขึ้นจากไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 18% สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและการผลิตที่ไม่เต็มกำลังการผลิต ส่งผลให้มีขาดทุนขั้นต้นเท่ากับ 1.03 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากไตรมาส 3 ปี 2566 คิดเป็น 79% เนื่องจากไตรมาส 3 ปี 2566 มีผลขาดทุนขั้นต้น 4.85 ล้านบาท ในด้านรายจ่าย บริษัทมุ่งที่จะลดรายจ่ายดังกล่าวโดยต้นทุนในการจัดจำหน่ายลดลง 39% และค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 33% จากไตรมาส 3 ปี 2566 จากการควบคุมงบประมาณภายในองค์กร ในไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทมีขาดทุนสุทธิจำนวน 27.23 ล้านบาท มีขาดทุนก่อนภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 7.55 ล้านบาท
แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตของ STHAI มุ่งเน้นการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์และราคาขายให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ บริษัทวางแผนที่จะเน้นถุงมือชนิดพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ โดยเน้นตลาดเอเชียแปซิฟิกและสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเปิดประมูลธุรกิจภาครัฐเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ STHAI ยังมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานทั้งในด้านการผลิตและการขาย และมุ่งเน้นตลาดถุงมืออุตสาหกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้ส่วนแบ่งตลาดในประเทศและภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก บริษัทกำลังสำรวจเพื่อขยายตลาดสหรัฐอเมริกาด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ปัจจุบัน แต่จะต้องใช้เวลาในการดำเนินการจดทะเบียนและพัฒนาธุรกิจใหม่
**โอกาสการลงทุนใน STHAI** โดยพิจารณาจากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดและอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง STHAI อาจไม่ใช่โอกาสการลงทุนที่น่าสนใจในปัจจุบัน แม้ว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 261.47 ล้านบาท แต่รายได้และกำไรสุทธิของบริษัทอยู่ในระดับต่ำ ขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 27.23 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับต่ำที่ 2% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับ -34% ข้อมูลทางการเงินย้อนหลังก็สะท้อนถึงความผันผวนของผลประกอบการ เช่น ปี 2563 มีกำไรสุทธิ 325.823 ล้านบาท แต่ปี 2566 มีขาดทุนสุทธิ -115.738 ล้านบาท
**ความเสี่ยงของ STHAI**
* ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
* การแข่งขันในตลาดสูง
* การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของรัฐบาล
จากข้อมูลข้างต้น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น การลงทุนใน STHAI มีความเสี่ยงสูง และผลตอบแทนไม่แน่นอน ควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
(10.04%)
(25.98%)
(314.17%)
(88.82%)
(337.61%)
(84.90%)
(4.48%)
(33.95%)
(198.11%)
(38.88%)
(294.77%)
(1,365.92%)