สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท ซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAFARI มีผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 ที่น่าสนใจ โดยรายได้จากการดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้น 20.04% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และภูเก็ต ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทย่อยทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ ภูเก็ตแฟนตาซีและคาร์นิวัลเมจิก บริษัทฯ ได้มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ภายในสวนสัตว์เปิด สวนน้ำ และ Theme Park อย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้เพิ่มเติม รวมถึงการประชาสัมพันธ์โฆษณาในและต่างประเทศ รวมถึงการหารายได้เพิ่มเติมจากการจำหน่ายสัตว์เกิดใหม่และสัตว์ส่วนเกิน

แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตของ SAFARI ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยการเพิ่มกิจกรรมและบริการใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ บริษัทฯ คาดการณ์ว่ารายได้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเปิดประเทศเต็มรูปแบบหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง SAFARI มุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้นและน่าจดจำให้กับลูกค้าทุกคน

จากการวิเคราะห์ผลประกอบการและอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลังของ SAFARI ในไตรมาสล่าสุดพบว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 550.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2566 แม้ว่าบริษัทฯ จะมีผลขาดทุนสุทธิ 83.98 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดทุนลดลงจาก 113.20 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการขาดทุนของบริษัทย่อยทั้ง 2 แห่งในจังหวัดภูเก็ต อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เท่ากับ 4.95 เท่า ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนเป็น "ติดลบ" สะท้อนถึงการลงทุนต่อยอดธุรกิจ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเก็บหนี้เฉลี่ย วัน ขายสินค้าเฉลี่ย วัน และวงจรเงินสด พบว่ามีการปรับปรุงดีขึ้น สะท้อนถึงการมีประสิทธิภาพในการจัดการกระแสเงินสด โอกาสการลงทุนใน SAFARI คือ การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว การเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้น และการจัดการกระแสเงินสดที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่ความเสี่ยงอยู่ที่ การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สถานการณ์เศรษฐกิจโลก และความผันผวนของค่าเงิน นักลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงและมองหาโอกาสในการเติบโตในระยะยาว อาจพิจารณาลงทุนใน SAFARI

**ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระแสเงินสด**

* กระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน : 337.42 ล้านบาท
* กระแสเงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมการลงทุน : 71.06 ล้านบาท
* กระแสเงินสดสุทธิได้มาในกิจกรรมจัดหาเงิน : 413.43 ล้านบาท

**รายการหลักที่มีผลต่อกระแสเงินสด**

* รายได้ภาษีเงินได้ : 101.62 ล้านบาท
* ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย : 223.03 ล้านบาท
* ต้นทุนทางการเงิน : 214.42 ล้านบาท
* ค่าใช้จ่ายผู้ประโยชน์พนักงาน : 12.68 ล้านบาท
* ขาดทุนจากสัตว์ตาย : 13.28 ล้านบาท
* ขาดทุนจากการขายทรัพย์สิน : 2.71 ล้านบาท
* กำไรจากการจำหน่ายสัตว์ : 218.97 ล้านบาท
* การรับรู้รายการทางบัญชี : 5.55 ล้านบาท

**การเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์-หนี้สินดำเนินงาน** มีผลให้กระแสเงินสดสุทธิลดลง 8.90 ล้านบาท

**การจ่ายเงินสด**

* จ่ายเงินปันผล : 2.27 ล้านบาท
* จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล : 4.15 ล้านบาท

**การลงทุน**

* ซื้อสัตว์ : 29.84 ล้านบาท
* ซื้อสินทรัพย์อื่น : 28.00 ล้านบาท
* รับเงินจากการจำหน่ายสัตว์และสินทรัพย์ : 128.80 ล้านบาท

**จัดหาเงิน**

* เงินสดรับจากกิจกรรมกู้ยืม : 7.28 ล้านบาท
* เงินสดจ่ายจากกิจกรรมกู้ยืม : 25.56 ล้านบาท
* ชำระเงินกู้ : 37.76 ล้านบาท
* ชำระดอกเบี้ย : 255.57 ล้านบาท
* ชำระหนี้หุ้นกู้ : 45.82 ล้านบาท
* ชำระหนี้สินตามสัญญาเช่า : 10.42 ล้านบาท

ข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า SAFARI มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในกิจกรรมหลัก โดยเฉพาะการซื้อสัตว์ การซื้อสินทรัพย์อื่นๆ และการชำระหนี้สิน บริษัทฯ ยังมีการจัดการกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการรับเงินสดจากการจำหน่ายสัตว์และสินทรัพย์ และมีการชำระหนี้สินอย่างต่อเนื่อง

นักลงทุนที่สนใจลงทุนใน SAFARI ควรพิจารณาถึงความเสี่ยงและโอกาสในระยะยาวของบริษัทฯ โดยเฉพาะการแข่งขันในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สถานการณ์เศรษฐกิจโลก และความผันผวนของค่าเงิน รวมทั้งความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรของบริษัทฯ ในอนาคต