บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

FSSIA ยังคงแนะนำ "ซื้อ" หุ้น EPG โดยให้ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท มองว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งในตลาดสหรัฐฯ

ไฮไลท์สำคัญ

• FSSIA คาดการณ์ผลประกอบการปี FY26 แบบ Conservative โดยประเมินรายได้คงที่, อัตรากำไรขั้นต้น 30-33% และความเสี่ยงด้าน ECL ที่ต่ำ
• แม้ SG&A จะกดดันกำไร แต่โมเมนตัมรายไตรมาสบ่งชี้ว่า ผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
• Valuation อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ FSSIA จึงยังคงแนะนำ "ซื้อ"

แนวโน้มธุรกิจที่แข็งแกร่ง

FSSIA มองว่าเป้าหมายทางการเงินของ EPG สำหรับปี FY26 มีความ Conservative และทำได้จริง โดยคาดการณ์รายได้รวมทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ 13.9 พันล้านบาท นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น 30-33% และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนประมาณ 240 ล้านบาท สำหรับความเสี่ยงจากการตั้งสำรอง ECL ของ JV ในแอฟริกาใต้ ผู้บริหารระบุว่าได้ตั้งสำรองอย่างระมัดระวังแล้ว และความเสี่ยงในการตั้งสำรองเพิ่มเติมมีน้อย เนื่องจากสภาพคล่องของ JV ดีขึ้น และเริ่มชำระหนี้คืนให้กับ EPG แล้ว

ปัจจัยกดดันและโอกาส

FSSIA คาดการณ์กำไรหลักปี FY26 ที่ 1.1 พันล้านบาท ลดลง 3.2% YoY แม้รายได้จะยังคงสูงและมีเสถียรภาพ แต่กำไรอาจถูกกดดันจาก SG&A ที่สูง โดยเฉพาะจากธุรกิจค้าปลีกของ TJM อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังแก้ไขปัญหานี้ เช่น การปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรและปรับปรุงประสิทธิภาพของพนักงาน นอกจากนี้ Aeroflex ยังคง เติบโตได้ดี แม้จะมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยบริษัทได้ลดความเสี่ยงด้วยการจัดหาวัตถุดิบสำรองไว้ 6-8 เดือน และอาจปรับขึ้นราคาอีกครั้งในช่วงปลายปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรให้สูงขึ้น

คำแนะนำและราคาเป้าหมาย

แม้ FSSIA จะคาดการณ์ว่ากำไรปี FY26 จะลดลง แต่หุ้น EPG ซื้อขายที่ P/BV ปี FY26E ที่ 0.7 เท่า และ EV/EBITDA ที่ 5.3 เท่า ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในปี 2014 ในขณะที่กำไรหลักเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วงเวลาดังกล่าว FSSIA จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยให้ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 7.5 เท่า