บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

BLS (บัวหลวง หลักทรัพย์) ยังคงแนะนำ "ซื้อ" หุ้น BDMS โดยให้ราคาเป้าหมาย 35 บาท อิงจากวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) แม้กำไรไตรมาส 2/68 จะเติบโต 5% YoY แต่ลดลง 20% QoQ จากไตรมาสก่อนหน้า

ผลประกอบการตามคาด แต่มีปัจจัยกดดันระยะสั้น

BDMS รายงานกำไรสุทธิ 3.49 พันล้านบาทในไตรมาส 2/68 เพิ่มขึ้น 5% YoY แต่ลดลง 20% QoQ จากรายได้รวม 2.71 หมื่นล้านบาท ผลประกอบการเป็นไปตามที่ BLS และตลาดคาดการณ์ไว้ แม้จะมีปัจจัยกดดันจากฤดูกาลในเดือนเมษายน-มิถุนายน โดยรายได้จากธุรกิจโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 4% YoY เป็น 2.57 หมื่นล้านบาท สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยอยู่ที่ 72% และผู้ป่วยต่างชาติ 28%

รายได้จากผู้ป่วยชาวไทยเติบโต 3% YoY ขณะที่รายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 6% YoY โดยมีแรงหนุนจากกาตาร์ (+45% YoY) เมียนมาร์ (+19%) และสหรัฐอเมริกา (+13%) อย่างไรก็ตาม รายได้จากกัมพูชาลดลง 23% YoY เนื่องจากข้อพิพาทพรมแดนไทย-กัมพูชา EBITDA เพิ่มขึ้น 7% YoY เป็น 6.13 พันล้านบาท ส่งผลให้ EBITDA margin เพิ่มขึ้นเป็น 22.6%

แนวโน้มครึ่งปีหลังสดใส คาดผู้ป่วยต่างชาติหนุน

BLS คาดการณ์ว่าครึ่งหลังของปี 2568 BDMS จะเติบโตต่อเนื่อง YoY และฟื้นตัวจากช่วงโลว์ซีซั่น โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากตะวันออกกลางและสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ การผ่อนคลายข้อพิพาทไทย-กัมพูชาน่าจะช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม)

แม้ว่ารายได้จากผู้ป่วยชาวไทยอาจเติบโตในระดับเลขตัวเดียวต่ำๆ เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศที่ซบเซา แต่สถานพยาบาลใหม่ๆ เช่น การขยายสาขาที่เชียงใหม่ และโรงพยาบาลพญาไทบ่อวินที่กำลังจะเปิดใหม่ จะช่วยหนุนให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น BLS คาดว่ากำไรหลักในไตรมาส 3/68 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ

คงประมาณการกำไรปี 68, ประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วย DCF

BLS ยังคงประมาณการกำไรสำหรับปี 2568 ไม่เปลี่ยนแปลง โดยได้รวมรายได้จากโรงพยาบาลเด็กสมิติเวชแห่งใหม่ การขยายโรงพยาบาลที่เชียงใหม่ และการเปิดโรงพยาบาลพญาไทบ่อวินในไตรมาส 3/68 ไว้แล้ว

ทั้งนี้ BLS ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ BDMS ณ สิ้นปี 2568 ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ได้ราคาเป้าหมายที่ 35 บาท (WACC ที่ 7.0%, terminal growth ที่ 2%)