บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
UBE กำไรทรุด! Q2/68 ขาดทุนอ่วม 128 ล้านบาท เซ่นราคาเอทานอลดิ่ง
P/E -100.00 YIELD 5.49 ราคา 0.43 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ:
UBE รายได้รวมลดลง 17% ในไตรมาส 2 ปี 2568 ขาดทุน 128.1 ล้านบาท เหตุราคาเอทานอลดิ่ง แม้ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังโต แต่ชดเชยไม่ไหว
รายได้และกำไร:
บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) (UBE) เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 รายได้รวมลดลง 17% เหลือ 1,311.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,580.1 ล้านบาท พลิกเป็นขาดทุน 128.1 ล้านบาท จากเดิมที่เคยมีกำไร 42.1 ล้านบาท คิดเป็นการลดลงถึง 404.5%
สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 รายได้รวมลดลง 20.7% เหลือ 2,752.4 ล้านบาท ขาดทุน 70.8 ล้านบาท จากเดิมที่เคยมีกำไร 149.7 ล้านบาท คิดเป็นการลดลง 147.4%
ปัจจัยกระทบ:
ราคาหัวมันสำปะหลังสดลดลง 18.9% จากสิ้นปี 2567 และ 37.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีก่อนหน้า ขณะที่ความต้องการใช้เอทานอลเกรดเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 3.2 ล้านลิตรต่อวัน ลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อย
รายได้จากธุรกิจเอทานอลลดลง 43.4% ทั้งในไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก สาเหตุหลักมาจากราคาเฉลี่ยเอทานอลที่ลดลง 37% เนื่องจากปริมาณสต็อกในประเทศสูงและการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่สูง
อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจแป้งมันสำปะหลังเพิ่มขึ้น 15.4% ในไตรมาส 2 จากปริมาณการขายแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิกและแป้งมันสำปะหลังเกรด HVP ที่เพิ่มขึ้น
ข้อสังเกตุและแนวโน้ม:
แม้ว่าต้นทุนขายจะลดลง 7.3% ในไตรมาส 2 แต่คิดเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้นของรายได้จากการขาย ทำให้กำไรขั้นต้นลดลง นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 53.2% จากค่าใช้จ่ายในการขนส่งและส่งออกที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายจากธุรกิจร้านอาหาร
สินทรัพย์รวมลดลง 1% จากสิ้นปี 2567 ขณะที่หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 9% จากเงินกู้ยืมระยะสั้นเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 0.21 เท่า เป็น 0.23 เท่า
สรุป:
UBE เผชิญความท้าทายจากราคาเอทานอลที่ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ผลประกอบการโดยรวมลดลง แม้ว่าธุรกิจแป้งมันสำปะหลังจะมีการเติบโต แต่ยังไม่สามารถชดเชยผลกระทบจากธุรกิจเอทานอลได้ บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย รวมถึงการสร้างผลกำไรจากธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจร้านอาหาร