บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

KSecurities ปรับลดราคาเป้าหมาย NEO เหลือ 24.32 บาท หลังมองการเติบโตชะลอตัวและต้นทุนสูงขึ้น

ไฮไลท์สำคัญ

• KSecurities ปรับลดราคาเป้าหมาย NEO ลง เหลือ 24.32 บาท จากเดิม
• สาเหตุหลัก มาจากการปรับลดประมาณการกำไรและเปลี่ยนวิธีประเมินมูลค่าหุ้น
• แนวโน้มการเติบโตของรายได้ที่ลดลง และผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น เป็นปัจจัยกดดัน

ผลประกอบการและประมาณการ

KSecurities คาดการณ์รายได้ปี 2568 อยู่ที่ 2,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากยอดขายสินค้าในกลุ่มของใช้ในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น แต่ลดลง 1% จากยอดขายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลที่ลดลง

ราคาน้ำมันเมล็ดปาล์มที่อยู่ในระดับสูง และการแข่งขันด้านโปรโมชั่นที่รุนแรงในสินค้ากลุ่มของใช้ในครัวเรือน จะกดดันการขยายตัวของอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin: GPM) คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 39% เทียบกับ 41.8% ในปี 2567 จากต้นทุนสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) และค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น

สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อรายได้ ยังอยู่ในระดับสูงที่ 32.9% เทียบกับ 29.2% ในไตรมาส 1/2568 และ 33.2% ในปี 2567 จากค่าใช้จ่ายในการขายที่เพิ่มขึ้น

KSecurities ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ 4.1% เทียบกับ 10.8% ในปี 2567

ข้อสังเกตและปัจจัยเสี่ยง

การเติบโตของรายได้ที่ชะลอตัว ภายใต้แรงกดดันทางเศรษฐกิจ อาจไม่เพียงพอในการชดเชยต้นทุนคงที่เพิ่มเติม

ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันเมล็ดปาล์ม และการแข่งขันด้านโปรโมชั่นที่รุนแรง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ

อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ลดลง จากต้นทุนที่สูงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของ NEO

สรุป

KSecurities มีมุมมองเชิงลบต่อ NEO จากประมาณการกำไรที่ซบเซาในปี 2568 โดยปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 24.32 บาท

นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น การเติบโตของรายได้ที่ชะลอตัว ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรง ก่อนตัดสินใจลงทุนใน NEO