https://aio.panphol.com/assets/images/community/7251_AA5AF6.png

IVL กำไรฟื้นตัวแรง! GLOBLEX ชี้เป้า 28 บาท รับอานิสงส์ Tariff Canada

P/E -100.00 YIELD 4.58 ราคา 15.30 (0.00%)

ไฮไลท์สำคัญ

GLOBLEX มองข้ามช็อต IVL กำไรสุทธิ Q2/25 พลิกเป็นบวก และครึ่งปีหลังสดใสกว่าเดิม หนุนด้วยปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการในจีนที่ฟื้นตัว ต้นทุนพลังงานลดลง และส่วนต่างราคา IPP ในเอเชียที่ดีขึ้น แถมยังได้อานิสงส์จากมาตรการกีดกันทางการค้าของแคนาดา ที่ส่งผลให้ IVL ในฐานะผู้ผลิต PET รายใหญ่ในสหรัฐฯ ได้รับประโยชน์ด้านปริมาณขาย

IVL ฟื้นตัวชัดเจน กำไร Q2/25 โตต่อเนื่อง

GLOBLEX คาดการณ์กำไรสุทธิหลักของ IVL ใน Q2/25 อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายที่สูงขึ้น ส่วนต่างราคา IPP ที่ดีขึ้น ต้นทุนพลังงานที่ลดลง และไม่มีค่าใช้จ่ายจากการปิดโรงงาน 2 เดือนใน Q1/25 นอกจากนี้ คาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.8 พันล้านบาท จากการขายสินทรัพย์ในออสเตรเลีย 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่ากำไรสุทธิในครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 4-5 พันล้านบาท จากการปรับปรุงปริมาณขาย ส่วนต่างราคา การลดต้นทุน และการขายสินทรัพย์เพิ่มเติมอีก 30-40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม IVL มีแผนปิดซ่อมบำรุงโรงงาน EO/EG/MTBE เป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งจะดำเนินการทุกๆ 5 ปี

จับตา Industry Margin และผลกระทบ Tariff Canada

ส่วนต่างราคา PET ในเอเชียปรับตัวดีขึ้นจาก 116 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ใน Q1/25 เป็น 142 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ในเดือนเมษายน และ 128 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ในเดือนพฤษภาคม แต่ลดลงเล็กน้อยในอเมริกาเหนือ ยุโรป และตะวันออกกลาง (EMEA) จาก 373 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ใน Q1/25 เป็น 369 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ในเดือนเมษายน และ 353 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ในเดือนพฤษภาคม การที่แคนาดาประกาศอัตราภาษีนำเข้า PET ใหม่จากจีน 125% และจากปากีสถาน 84.5% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2568 ซึ่งแคนาดานำเข้า PET จากสองประเทศนี้ 78kt ในปี 2567 GLOBLEX คาดว่า IVL จะได้รับประโยชน์จากปริมาณขาย PET ที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง โดย IVL มีกำลังการผลิต PET 40% ในอเมริกาเหนือ (8.9mtpa ทั่วโลก) และคาดว่าจะได้รับปริมาณขายเพิ่มขึ้น 20kt-30kt จากปริมาณ 78kt ในแคนาดา

คำแนะนำและราคาเป้าหมาย

GLOBLEX แนะนำ "ซื้อ" IVL และให้ราคาเป้าหมาย 28 บาท โดยมองว่าเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มปิโตรเคมีของไทย เนื่องจาก 1) EBITDA กว่า 50% ของ IVL มาจากตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งได้รับประโยชน์จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นในแคนาดา 2) รูปแบบธุรกิจที่แข็งแกร่งด้วยการกระจายการผลิตในแต่ละทวีป โดยเฉพาะสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการขึ้นภาษีนำเข้า หรือมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด และ 3) เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาในอุตสาหกรรม จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ อัตราภาษีที่แน่นอน และการเติบโตของจีน

โพสต์ล่าสุด