บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
MGT Oppday Q1/2568: เจาะลึกผลประกอบการและกลยุทธ์รับมือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
P/E 6.86 YIELD 6.21 ราคา 1.61 (0.00%)
MGT Oppday Q1/2568: เจาะลึกผลประกอบการและกลยุทธ์รับมือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
สวัสดีครับท่านผู้ฟังและท่านผู้ชมทุกท่าน วันนี้วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 เป็นวัน Opportunity Day ของบริษัท Mega Chem Thailand Public Company Limited หรือ MGT ซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ MAI
Vision ของเราคือ To be the best solution provider of chemical คือการเป็นผู้แก้ปัญหาและให้คำแนะนำลูกค้าในการใช้เคมีและวัตถุดิบเคมีในอุตสาหกรรมต่างๆ Mission คือ To provide superior value of chemical services and solution to our partners
Core Value ของเราคือ CARE: Collaboration, Accountability, Respect, Entrepreneurial Mindset
ประวัติ MGT
- ก่อตั้ง 5 ตุลาคม 2535 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท
- ร่วมทุนระหว่างกลุ่มคนไทย (51%) และ Mega Chem Singapore (49%)
- ปี 2559 เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 150 ล้านบาท
- 23 กุมภาพันธ์ 2560 เข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท
- ปี 2561 เปิดบริษัท Mega Chem Myanmar (MGT ถือหุ้น 51%)
- เดือนมิถุนายน 2561 ซื้อบริษัท Mega Chem Plus Limited (MGT ถือหุ้น 80%) นำเข้าเอทานอลแปรสภาพจาก South Africa และ Australia
- ปี 2564 ร่วมทุนกับ Fuji Koken (ผลิต Graphite) MGT ถือ 49%
- เดือนกันยายน 2564 ควบรวมกิจการกับ Greenleaf Chemical (MGT ถือ 55%) ทำ Cosmetic Personal Care และ Food Ingredient Skin Testing
โครงสร้างบริษัท
MGT เป็นบริษัทแม่ มีบริษัทลูกคือ MGT Plus, Greenleaf Chemical, Mega Chem Myanmar, และ Mega Fuji Graphite
Business Unit (BU)
- Performance Coating: ผู้ผลิตสี หมึกพิมพ์ ก่อสร้าง
- Polymer and Advanced Polymer Composite: พลาสติก, Master Batch, Plastic Compound
- Oil and Gas: Additive สำหรับ Lubricant, Grease
- Lifestyle Bioproduct: Cleaning, Greenleaf Chemical, Mega Chem Plus
- Surface Technology: ทำความสะอาดผิวโลหะ, Spare Part รถยนต์, อิเล็กทรอนิกส์
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ผลประกอบการ Q1/2568 เติบโตดี แม้มีปัจจัยภายนอกที่ไม่แน่นอน:
- Revenue: โต 29.34% YoY จาก 242 ล้านบาท เป็น 313 ล้านบาท
- Gross Profit: โต 17.28% จาก 81 ล้านบาท เป็น 95 ล้านบาท
- Gross Profit Margin: ลดลงจาก 33% เป็น 31%
- SG&A Expense: เพิ่มขึ้น 10% จาก 49 ล้านบาท เป็น 54 ล้านบาท
- EBITDA: เพิ่มขึ้น 20.5% จาก 39 ล้านบาท เป็น 47 ล้านบาท
- Net Profit: เพิ่มขึ้น 18.52% จาก 27 ล้านบาท เป็น 32 ล้านบาท
Financial Position ใน Q1/2568:
- Asset เพิ่มขึ้น 80 ล้านบาท (Inventory และ AR เพิ่ม)
- Liability เพิ่มขึ้นจาก 266 ล้านบาท เป็น 298 ล้านบาท (AP และ Short-term Investment เพิ่ม)
- Shareholder's Equity เพิ่มขึ้นจาก 738 ล้านบาท เป็น 783 ล้านบาท (Retained Earnings เพิ่ม)
Financial Ratios:
- Cash Conversion Cycle ดีขึ้นจาก 126 วัน เป็น 113 วัน (Inventory Turnover ดีขึ้น)
- AR Turnover: 83 วัน (จาก 86 วัน)
- AP Turnover: 43 วัน (จาก 44 วัน)
Dividend Payment:
- ปี 2567 จ่าย 0.1 บาท รวม 40 ล้านบาท
ROA:
- เพิ่มขึ้นปีต่อปี จากปี 2566 จนถึงปี 2568 อยู่ที่ 13.88%
Cash and Cash Equivalents:
- ลดลงจาก 159.59 ล้านบาท เป็น 137.7 ล้านบาท (ลงทุนเพิ่มและจ่ายปันผล)
Debt to EBITDA: 6.29 เท่า
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบคือ Trade War และการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ทำให้เกิดความไม่แน่นอน
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
MGT มองวิกฤตเป็นโอกาส โดยเน้นหาโอกาสในการเติบโต:
- Revenue โตเกือบ 30% YoY
- การย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
ความเสี่ยงหลักคือ:
- Trade War และการขึ้นภาษี
- เศรษฐกิจภายในประเทศ
- การแข่งขันจากสินค้าจีนราคาถูก
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
MGT มีแผนรับมือความเสี่ยงดังนี้:
- จับมือกับคู่ค้าและพัฒนา Project ร่วมกัน
- ลงทุนในเทคโนโลยีและ ERP (SAP S/4HANA)
- พัฒนาคนให้ใช้เทคโนโลยีได้มีประสิทธิภาพ
- มุ่งสู่กติกาโลก (Carbon Footprint, ESG)
- หา New Supplier และ Product ใหม่
- มองหา M&A และ Startup ในไทย
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
แนวโน้มในอนาคต:
- ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่
- เทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้น
- กติกาโลก (สิ่งแวดล้อม) มีความสำคัญ
วิสัยทัศน์ MGT:
- บริษัทต้องมีกำไร
- เติบโตอย่างยั่งยืน
- ทำตามกติกาโลก
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 47:10 ]
คำถามและคำตอบจากผู้บริหาร MGT ในช่วงถาม-ตอบ:
ความกังวลและแผนรับมือใน 1-3 ปีข้างหน้า
ความกังวลหลักคือเรื่อง Trade War และการขึ้นภาษีของทรัมป์ แต่ MGT มองว่าเป็นโอกาสในการดึงดูดการลงทุนมายังประเทศไทย และวางแผนที่จะจับมือกับคู่ค้าเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ๆ นอกจากนี้ยังกังวลเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศและการแข่งขันจากสินค้าจีนราคาถูก โดยมีแผนที่จะจับมือกับจีนและยุโรปเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง
ความสำคัญสูงสุดในการดำเนินธุรกิจ
ความยั่งยืนคือสิ่งสำคัญที่สุด MGT มุ่งมั่นที่จะเติบโตและสร้างกำไรอย่างยั่งยืน โดยพัฒนาธุรกิจให้สอดคล้องกับกติกาของประเทศไทยและกติกาโลก เช่น การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
CFO เสริม: ความสำคัญตอนนี้คือการลงทุนแล้วเห็นผลประโยชน์ตอบแทนมากที่สุด (Financial Prudence) เงินลงทุนทุกบาททุกสตางค์ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
ROIC และ WACC
WACC (กลุ่ม Mega Chem Thailand) อยู่ที่ประมาณ 6.79% อิงจาก Beta และงบการเงิน ROIC อยู่ที่ประมาณ 14%
แนวโน้ม Q2-Q4 และปัจจัย
คาดว่า Q2 ยังเติบโต แต่ไม่เท่า Q1 เนื่องจากวันหยุดและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้ธุรกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตาม MGT ยังคงเป้าหมายเดิมไว้ และจะหากินมาร์เก็ตแชร์มากขึ้น
อัปเดตฐานลูกค้าและอัตราการเพิ่มลูกค้าใหม่
ลูกค้าใหม่แทบไม่มีเลย (ไม่ถึง 5%) ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าดั้งเดิม MGT ระมัดระวังในการหาลูกค้ารายใหม่ โดยพิจารณาความน่าเชื่อถือและสภาพคล่อง
อัปเดตโปรเจกต์ที่ลงทุน
โปรเจกต์ต่างๆ มีความคืบหน้าแต่ช้า เนื่องจากเศรษฐกิจโลกไม่ดี โปรเจกต์หลักคือ Geos และ ABio (เน้นขายคู่ค้าต่างประเทศ)
- Geos (เกาหลี): ย้ายโรงงานจากสิงคโปร์ไปเกาหลีแล้ว ได้พาร์ทเนอร์ใหม่ กำลังทำ Feasibility และโปรโมทในตลาดเกาหลี ยุโรป และอเมริกา
- ABio: ขยายไปอเมริกา เติบโตอย่างมั่นคง
แผนลงทุนควบรวมกิจการกับอุตสาหกรรมอาหาร
ยัง Pause ไว้ก่อน ยังไม่เจอพันธมิตรที่ลงตัวและพร้อมไปด้วยกัน MGT ให้ความสำคัญกับ Culture และ Founder และรอประเมินแนวโน้มตลาด
แนวโน้มผลการดำเนินงานใน Q2 เทียบกับ Q2/2567
คาดว่าน่าจะยังโตอยู่ แต่อาจจะไม่โตเท่า Q1 เนื่องจากวันหยุดและเหตุการณ์ที่ต้องชะงักธุรกิจ
Mega Fuji Graphite
เริ่มสั่งอุปกรณ์มาบางส่วนแล้ว คาดว่าจะสร้างโรงงานเสร็จภายในปีนี้ และเริ่มขายได้ในปีหน้า
แผนรองรับกรณีลูกค้าซื้อเคมีโดยตรงโดยไม่ผ่าน Chemical Provider
MGT ไม่เน้นที่ Product แต่เน้น Value ที่ Service เช่น Warehousing, Logistics, Troubleshooting, Formulation Guidance, Registration, Import-Export Custom Service ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้ายากจะได้ความสะดวก เรามั่นใจว่าเราจะยังคงมี Playing Field ในส่วน Distribution ต่อไป และพร้อมที่จะ Diversify ไปในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น Food and Pharma ที่เรายังไม่ Strong นอกจากนี้ การลงทุนในต่างประเทศก็เป็นส่วนหนึ่งของแผน MGT ด้วย
สรุป
โดยสรุป MGT ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง แม้เผชิญกับความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน บริษัทมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการรับมือกับความเสี่ยง และมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน นักลงทุนจึงสามารถมั่นใจได้ว่า MGT ยังคงเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว