บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
สรุป Oppday NEO: เปิดกลยุทธ์ปี 2568, เน้น New S-Curve, Premium Mass และขยายตลาดโลก
P/E 7.93 YIELD 8.04 ราคา 16.80 (0.00%)
สรุป Oppday NEO: เปิดกลยุทธ์ปี 2568, เน้น New S-Curve, Premium Mass และขยายตลาดโลก
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
NEO สามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ (NPD) และปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิม (Relaunch) ได้มากกว่า 65 SKU ในไตรมาส 1 ปี 2568
สินค้าที่โดดเด่นคือ BeNice Happy Summer Shower Cream และ D-nee Deluxe น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น
- Market Share ของน้ำยาซักผ้าและปรับผ้านุ่ม D-nee ยังคงเป็นอันดับ 1 ในตลาด
ยอดขายเติบโต 4.7% (Year-on-Year) และกำไรอยู่ที่ 356 ล้านบาท เติบโต 6.7% (QoQ)
ยอดขายจากต่างประเทศเติบโต 10.3% (YoY) โดยส่วนใหญ่มาจาก CLMV คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 97% ของ Export
ส่งออกไปยังเนปาลเพิ่ม ทำให้มีพอร์ต Export รวม 24 ประเทศตั้งแต่ปี 2566
ได้รับรางวัลความเป็นเลิศด้านความร่วมมือในการวิจัยอย่างยั่งยืนจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (บริษัทเอกชนรายแรก)
- ได้รับ 2 รางวัลจาก Thailand Social Awards (D-nee)
- รางวัล Watsons HWB Awards 2025 (BeNice Anti-Bacteria)
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
NEO มี 8 แบรนด์ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย (ทารก - Silver Age)
มีประสบการณ์ด้านการตลาด 360 องศา ทำให้มี Market Share อันดับต้น ๆ ในหลายผลิตภัณฑ์ (Colone, ซักผ้า, ครีมอาบน้ำ)
ทำ Market Research อย่างสม่ำเสมอ มี Market Insight ที่เป็นเอกลักษณ์และสดใหม่
เป็น Segment Creator ในหลายครั้ง เช่น สินค้า Organic (D-nee), Food Essence ในครีมอาบน้ำ (BeNice), ผลิตภัณฑ์ Silver Age ลดกลิ่นตามวัย
มี R&D ที่แข็งแกร่ง พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมให้เก่งขึ้นได้เรื่อย ๆ (มากกว่า 100 SKU ต่อปี)
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
ตลาดรวมของ NEO เติบโต 5.3% แต่หากไม่รวม Moisturizer จะเติบโตเพียง 2% (NEO เติบโต 4.7%)
ยอดขาย Q1/2568 ลดลง 2.6% เมื่อเทียบกับ Q4/2567 (Q4 เป็นช่วงเทศกาล)
Household และ Baby & Kids ปรับตัวลดลง แต่ถูกชดเชยด้วย Personal Care (ครีมอาบน้ำ)
Domestic และ Export ปรับลดลง โดยเฉพาะเวียดนาม (Q1 เป็นช่วงวันหยุดยาว)
กำไรขั้นต้นลดลง 4.8% จากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
บริหารจัดการ Gross Margin ให้อยู่ที่ 41-43%
SGA ปรับลดลง 2.9% จากกิจกรรมการตลาดที่ลดลง และค่าใช้จ่าย One-Time
- บริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง
- ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและทำสัญญาเป็นเงินบาท (วัตถุดิบ)
- พัฒนาบรรจุภัณฑ์ ลดการใช้พลาสติกและใช้พลาสติกรีไซเคิล
- พิจารณาแผนการตลาดและส่งเสริมการขายเป็นราย SKU
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
NEO กำหนด Category ที่จะ Focus ในปี 2568 คือ Liquid Soap, Liquid Detergent และ Fabric Softener
ตั้งเป้าเติบโตยอดขายแบบ Double-Digit CAGR (2566-2571)
- สร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้ New Segment (Silver Age)
- สร้างยอดขาย Premium Mass เป็นไปตามเป้า (5% ของยอดขาย)
- สร้างการเติบโตให้มั่นคงกับตลาดที่เข้าไปเมื่อปีที่แล้ว
คาดว่าจะมีพอร์ต Premium อยู่ที่ 10% ของยอดขาย (ปี 2569) และยอดส่งออก 15% (ปี 2571)
- Source of Growth มาจาก New Segment, Premium Mass และตลาดต่างประเทศ
- การเติบโตแบบ Dual Track ในตลาดต่างประเทศ (เพิ่ม Brand, สินค้า, ช่องทาง, และ Explore ประเทศใหม่ ๆ)
- เพิ่มการเข้าถึงผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องในทุกช่องทาง
เปิดตัว Brand ใหม่ "Lovely Tails" (Pet Expo)
- เปิดตัว Brand ใหม่ "Lovely Tails" (Pet Expo)
ขยาย Distribution Channel ในเมียนมา (ซักผ้า, ครีมอาบน้ำ)
บรรลุข้อตกลงกับ Distributor ในเวียดนาม (File Line MT)
ขยายช่องทาง TikTok Shop ในเวียดนาม
กำลังก่อสร้าง Personal Care หลังใหม่ (เสร็จ 100%) และ Household (ทยอยสร้าง)
- ค่าเสื่อมส่วนเพิ่มประมาณ 100 ล้านบาทในปี 2568
สโลแกน NEO CARE (ESG)
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20% (ปี 2573)
ปรับประมาณการยอดขายปี 2568 เป็น High Single-Digit
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [01:07:57]
-
คำถาม: เหตุใดบริษัทจึงปรับเป้ายอดขายเป็น Single Digit มีสาเหตุหลักอะไร?
คำตอบ: ตลาดหลักมีการเติบโตชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน (Nelson เติบโตเพียง 2%) แต่ NEO ยังสามารถเติบโตได้มากกว่าตลาด (4.7%) จึงปรับลดเป้าเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และแผนการลงทุน โดยคาดว่าจะเติบโต 7-9% และทำได้ตามเป้าหมาย
-
คำถาม: ยอดขาย Lovely Tails เป็นอย่างไร และได้รับการตอบรับดีหรือไม่จากงาน Pet Expo?
คำตอบ: ยอดขายประมาณ 420,000 บาท ซึ่งถือว่าดีมากสำหรับแบรนด์ใหม่ ลูกค้าที่ใช้แล้วให้ Feedback ว่าสินค้าคุณภาพดี และบริษัทเน้น Pet-Centric (ทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงต้องชอบ) สังเกตได้จากการที่สัตว์เลี้ยงไม่ Reject กลิ่น
-
คำถาม: เหตุใดการเติบโตในต่างประเทศ Q1 จึงเหลือ Single Digit หลังจากที่บอกว่าโต 30% ใน 2 เดือนแรก?
คำตอบ: ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปีที่แล้วยอดขายจาก Export เป็นฐานที่ต่ำมากเนื่องจาก Distributor ได้ Take Order เพื่อรองรับตรุษจีนค่อนข้างมากในช่วงปลายปี 2566 ในปี 2568 นี้ มกราคม-กุมภาพันธ์กลับขึ้นมาเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างดีและมีการเติบโตมาก แต่พอถึงเดือนมีนาคมของ 2564 เนี่ยเป็นเดือนที่ยอดจาก Export เข้ามามาก แต่เดือนมีนาคม 2565 เข้ามามากกว่า 2564 ไหม มากกว่าค่ะ แต่ว่าไม่ได้มากกว่านักนะคะ ใกล้เคียงกันก็เลยทำให้ เอ่อเมื่อถัวเฉลี่ย 3 เดือนแล้วเนี่ยการเติบโตเลยลงไปที่ 10.3% นะคะ แต่จริงๆแล้วเนี่ยถ้ามองไปทั้งปีใน Q3 Q4 ของปีนี้นะคะ เอ่ออัตราการเติบโตของน่าจะ Export ของเราก็จะค่อนข้างสูงเนื่องจากฐานของ Q3 Q4 ในปี 2024 เนี่ยฐานค่อนข้างต่ำนะคะตรงนี้ก็จะเป็น เอ่อ Growth Engine อย่างนึงนะคะสำหรับการเติบโตของบริษัท NEO ในปีนี้ค่ะ
-
คำถาม: ค่าเสื่อมโรงงาน Personal Care หลังใหม่ Q1 เป็นเท่าไร?
คำตอบ: ค่าเสื่อมใน Q1 ประมาณ 4 ล้านบาท เนื่องจากเพิ่งสร้างเสร็จและรับมอบเมื่อ 20 มีนาคม แต่คาดว่าจะมีค่าเสื่อมเพิ่มขึ้นประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี หรือ 30-35 ล้านบาทต่อไตรมาสตั้งแต่ Q2 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่ Fully Depreciate หรือมีค่าเสื่อมที่หมดไปในปี 2568 (ประมาณ 30 ล้านบาท)
-
คำถาม: เป้าหมาย Gross Profit Margin ปี 2568 ตั้งไว้ที่เท่าไร?
คำตอบ: ยังคงเป้าหมายเดิมที่ 41-43% ตลอดทั้งปี
-
คำถาม: บริษัทมีการควบคุม Cost of Goods Sold (COGS) และ SGA อย่างไรบ้าง?
คำตอบ: ยกตัวอย่างการซื้อวัตถุดิบล่วงหน้า ฝ่ายจัดซื้อจะหาข้อมูลว่าราคาวัตถุดิบในอนาคตคาดว่าจะขึ้นหรือลง และมี Period Time (1.5-3 เดือน) ในการตัดสินใจทำสัญญา หากคาดว่าราคาจะขึ้นก็จะทำสัญญาไว้เลย เพื่อให้ได้ราคาวัตถุดิบที่ถูกกว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้า
สำหรับการควบคุมค่าใช้จ่ายทางการตลาด จะมีการทำ Simulation ก่อนทำ Promotion เพื่อดูว่า GP เป็นอย่างไร ไม่ได้เล่น Promotion ทุกตัวพร้อมกัน แต่ดูที่ Product Mix เพื่อควบคุม SGA ให้อยู่ในมาตรฐานที่ต้องการ ดูตามความเหมาะสม (Expense to ยอดขาย) และ Balance พอร์ต
ในตลาด Niche Market จะเข้าถึงกลุ่ม Target โดยตรง ทำให้บริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างดี
-
คำถาม: ช่วยอัปเดตสถานการณ์ในเวียดนามหน่อย ยอดขายเวียดนามจะกลับมาในไตรมาสไหน?
คำตอบ: ใน Quarter แรกมีการเติบโต 2 Digits แล้ว ทั้ง D-nee และ File Line (สินค้าหลัก) ใน Quarter 2 จะยิ่งเห็นการเติบโตชัดเจนขึ้นเนื่องจากเริ่ม List-in เข้าไปใน Modern Trade สำหรับ File Line แล้ว คาดว่ายอดขายเวียดนามกลับมาแล้ว
-
คำถาม: ในอนาคต NEO มีแผนขยายสินค้าไปฝั่งบำรุงผิวหน้าบ้างไหม?
คำตอบ: มีการศึกษาอยู่ แต่ไม่อยากออกไปเป็นสินค้า Me-Too จึงใช้เวลาในการ Develop สินค้านาน และมีการ Co-Research กับ Institute ต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้ามีนวัตกรรมที่แตกต่าง และยังคงเป็น Premiumization แบบ Innovation-Lead
-
คำถาม: ควรเอาแบรนด์ Smart ไป Positioning เรื่องราคาให้ถูกกว่านี้หรือไม่?
คำตอบ: ได้ปรับ Positioning ตรงนี้ของ Smart ไปแล้ว และเริ่มออกสู่ตลาดเพื่อให้รับกับการแข่งขัน ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว จะมีสินค้าราคาถูกเข้ามาตีตลาดมาก Smart เองก็ได้ปรับหน้าที่ไปเป็นเหมือน Fighting Brand (ราคาถูก) เพื่อป้องกันตลาดตรงนั้นไว้
-
คำถาม: หากบริษัทมีเงินสดเหลือ มีแผนจะเร่งคืนเงินกู้ระยะยาวหรือไม่?
คำตอบ: จะใช้ในกิจการเพื่อต่อยอดการขายเป็นอันดับแรก วางแผนจ่ายชำระหนี้สินตามกำหนด และดู Forecast ถึงการจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น (ปีละครั้ง อย่างน้อย 40% ของกำไร) หากมีเงินเหลือจริง ๆ จะนำเรื่องนี้ไปพิจารณา แต่ต้อง Balance ค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการคืนเงินกู้ก่อนกำหนดด้วย
-
คำถาม: อยากทราบ Incentive Package ของผู้บริหาร มี KPI หลัก ๆ อะไรบ้าง?
คำตอบ: เกณฑ์เหมือนกับค่าตอบแทนของผู้ร่วมงานทั้งบริษัท (ยอดขาย, Market Share, กำไร) แต่ไม่ได้ผูกกับการเติบโตนั้น (5% หรือ 10% ของการเติบโต) จะเป็นเกณฑ์ตาม Standard ของบริษัทและใช้เหมือนกันทั้งองค์กร
-
คำถาม: เหตุใด D-nee จึงเติบโตน้อยกว่าคู่แข่งอย่างมีนัยยะ มีแผนอย่างไรบ้าง?
คำตอบ: D-nee ยังมีการเติบโตเยอะอยู่ และไม่ได้น้อยกว่าคู่แข่ง มีในหลายตลาดที่ยังเป็นผู้นำ และเป็น Growth Driver ของตลาด Category นั้น (อ้างอิงจากข้อมูล Nelson และ Feedback จากผู้ค้า)
-
คำแนะนำ: ควรเอาแบรนด์ Smart ไป Positioning เรื่องราคาให้ถูกกว่านี้ แข่งกับเจ้าที่ขายถูก ๆ (Traditional หรือต่างจังหวัด) และอยากให้ผู้บริหาร Roadshow ในต่างประเทศและให้ Broker ต่างประเทศ Cover หุ้น
คำตอบ: รับทราบและจะนำไปพิจารณา (มีกองทุนต่างประเทศติดต่อเข้ามาพูดคุยอยู่เสมอ) แต่ D-nee ยังมีการเติบโตเยอะอยู่ และไม่ได้น้อยกว่าคู่แข่ง มีในหลายตลาดที่ยังเป็นผู้นำ และเป็น Growth Driver ของตลาด Category นั้น (อ้างอิงจากข้อมูล Nelson และ Feedback จากผู้ค้า)
-
คำแนะนำ: แนะนำให้เข้าตลาด Category แชมพู (Segment ใหญ่ และมี Gap)
คำตอบ: จะหาช่องที่ Identify Gap และจะไม่ Jump ลงไปใน Mass Shampoo Market เพราะ Red Ocean มาก จะหาจุดที่เข้าไปเล่นได้เป็น Segment ต่าง ๆ (มีการศึกษาอยู่)
-
คำถาม: การประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าของไทยของสหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อ NEO หรือไม่?
คำตอบ: ไม่มีผลกระทบโดยตรงเพราะไม่ได้ส่งออกสินค้าไปสหรัฐ อาจมีบ้างถ้าเกี่ยวกับเรื่องค่าเงิน (ทางอ้อม)
โดยสรุป NEO ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตในระยะยาว โดยให้ความสำคัญกับ New S-Curve (Silver Age, Pet), Premium Mass และการขยายตลาดส่งออก พร้อมทั้งบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น