บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

text-primary CPF โชว์ผลงาน Q1/68 กำไรสุทธิ 8.5 พันล้านบาท โต 642% YoY หนุนโดยยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 1 ปี 2568 โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 642% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) ตัวเลขนี้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของ BYD และตลาดคาดการณ์ไว้ถึง 22% และ 37% ตามลำดับ ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตนี้มาจาก ยอดขายที่เพิ่มขึ้น 3% YoY เป็น 1.44 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากราคาสุกรและไก่เนื้อที่สูงขึ้น นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้นยังปรับตัวดีขึ้นอย่างมากเป็น 18.5% จาก 12.0% ในไตรมาส 1 ปี 2567 เนื่องจากการลดลงของต้นทุนอาหารสัตว์ โดยเฉพาะกากถั่วเหลือง และส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็น 3.4 พันล้านบาท

text-primary BYD คาดกำไร Q2 ยังโตต่อ หนุนโดยราคาสุกรและยอดส่งออกไก่ที่แข็งแกร่ง

โบรกเกอร์ BYD คาดการณ์ว่า CPF จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาสุกรในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 87.5 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 21% ตั้งแต่ต้นปี (YTD) ราคาสุกรที่สูงขึ้นนี้มีแนวโน้มที่จะทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากวงจรการเลี้ยงสุกรที่ยาวนาน ทำให้ปริมาณสุกรที่เลี้ยงเพิ่มขึ้นไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ทันทีในไตรมาส 2 นอกจากนี้ ยอดส่งออกไก่เนื้อยังคงเติบโตได้ดี จากความต้องการที่แข็งแกร่งในตลาดส่งออกหลัก ประกอบกับสถานการณ์โรคไข้หวัดนกในหลายประเทศที่ส่งผลให้มีความต้องการนำเข้าไก่จากประเทศไทยเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะกากถั่วเหลือง จะช่วยสนับสนุนอัตรากำไรขั้นต้นของ CPF อีกทางหนึ่ง

text-primary CPF มุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและบริหารจัดการต้นทุน

CPF ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการจัดการต้นทุน ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัท ตัวอย่างเช่น ธุรกิจสุกรที่ขายชิ้นส่วนเนื้อหมู จะพัฒนาไปสู่การผลิตหมูแปรรูปปรุงสุก ในขณะที่ธุรกิจไก่ส่งออกจะเน้นการขายไก่ปรุงสุกและไก่แปรรูปมากขึ้น และลดการขายไก่สด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัท

text-primary BYD คงคำแนะนำ "ซื้อ" CPF ให้ราคาเป้าหมาย 30.50 บาท

BYD คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับหุ้น CPF โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 30.50 บาท อิงจาก PER ปี 2568 ที่ 12.0 เท่า การคงคำแนะนำนี้มาจากแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นของผลประกอบการในปีนี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากราคาสุกรที่สูงขึ้นและต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม BYD ตั้งข้อสังเกตว่า ราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา อาจจูงใจให้ผู้ผลิตเพิ่มปริมาณการเลี้ยง ซึ่งอาจส่งผลให้มีปริมาณสุกรเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 (2H25E) นอกจากนี้ สภาพอากาศที่มีฝนตกอาจทำให้ความต้องการบริโภคลดลง ดังนั้น จึงต้องจับตาราคาสุกรในประเทศอย่างใกล้ชิดในช่วง 2H25E