https://aio.panphol.com/assets/images/community/5516_6759D4.png

MFEC กำไรพุ่ง 26.9% ในไตรมาส 1/68 แม้รายได้รวมลดลง

P/E 10.13 YIELD 10.00 ราคา 5.00 (0.00%)

ไฮไลท์สำคัญ: MFEC โชว์ผลงานไตรมาสแรกปี 68 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 26.9% จากปีก่อนหน้า แม้รายได้รวมจะลดลงเล็กน้อย บริษัทฯ เผย Backlog แข็งแกร่ง พร้อมรับรู้รายได้ต่อเนื่องในระยะยาว

บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) (MFEC) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 60.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8 ล้านบาท หรือ 26.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (47.5 ล้านบาท) การเติบโตของกำไรมาจากการดำเนินกิจกรรมตามปกติที่เพิ่มขึ้น 26.2 ล้านบาท หรือ 73.6% เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่ารายได้รวมจะลดลง 12% จากปีก่อน เนื่องจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการคลาวด์

สถานการณ์เศรษฐกิจและ Backlog: MFEC มีโครงการระหว่างดำเนินงาน (Backlog) มูลค่ารวม 6,987 ล้านบาท รองรับการเติบโตในระยะยาว

บริษัทฯ มีโครงการระหว่างดำเนินงาน (Backlog) มูลค่ารวม 6,987 ล้านบาท ซึ่งสามารถรับรู้รายได้ในระยะยาวสูงสุดถึง 6 ปี โดย 60% เป็นงานที่สามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่อง (recurring income) นอกจากนี้ บริษัทได้นำเสนอบริการคลาวด์จากประเทศจีนซึ่งช่วยปรับลดการใช้ต้นทุนในการดำเนินงานของลูกค้าเนื่องจากมีค่าบริการต่ำกว่า

การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร: รายได้จากการให้บริการคลาวด์ลดลง แต่ธุรกิจหลักยังคงเติบโต อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

รายได้จากการขายและบริการลดลง 12.2% (216.7 ล้านบาท) เนื่องจากรายได้จากการให้บริการคลาวด์ลดลง 48.1% (165.5 ล้านบาท) จากการที่ลูกค้าองค์กรเอกชนหลายแห่งเริ่มซื้อบริการคลาวด์จากผู้ให้บริการโดยตรง อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้นเป็น 87% ของรายได้รวม ต้นทุนขายและต้นทุนบริการลดลง 13.3% (198.5 ล้านบาท) อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 17.0% จาก 15.9% ในปีก่อน เนื่องจากการบริหารต้นทุนในการส่งมอบงานที่มีประสิทธิภาพ และการให้บริการคลาวด์ที่ใช้เทคโนโลยีจากประเทศจีน ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 15.8% (37.4 ล้านบาท) เนื่องจากการโอนค่าใช้จ่ายบุคลากรไปรับรู้เป็นต้นทุนในการให้บริการเพิ่มขึ้น

สินทรัพย์และหนี้สิน: สินทรัพย์รวมและหนี้สินรวมลดลง ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

สินทรัพย์รวมลดลง 3.8% (261.7 ล้านบาท) เนื่องจากลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่นลดลงจากการได้รับชำระเงิน, เงินลงทุนในบริษัทร่วมที่ถือไว้เพื่อขายลดลงจากการจำหน่ายเงินลงทุนในพรอมท์นาว, และต้นทุนงานบริการจ่ายล่วงหน้าลดลงจากการทยอยรับรู้ต้นทุน หนี้สินรวมลดลง 7.4% (320 ล้านบาท) เนื่องจากค่าใช้จ่ายค้างจ่ายลดลงจากการจ่ายโบนัส, เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินลดลงจากการชำระหนี้, แต่มีเงินกู้ยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้องกันเพิ่มขึ้น และรายได้รับล่วงหน้าลดลง ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 2.2% (58.4 ล้านบาท) เนื่องจากกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรเพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ มีการกู้ยืมจาก TIS ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

โพสต์ล่าสุด