บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

หุ้น IVL ยังน่าสนใจลงทุนไหม? มาดูบทวิเคราะห์ล่าสุดจาก บ. หลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" แม้ผลประกอบการ Q1/68 จะขาดทุน แต่คาดการณ์ Q2/68 จะกลับมาทำกำไรได้จากปัจจัยบวกหลายด้าน

ไฮไลท์สำคัญ

• Q1/68 ขาดทุน: IVL รายงานผลขาดทุน 1.3 พันล้านบาท สาเหตุหลักจากการหยุดซ่อมบำรุงธุรกิจ Combined PET ทำให้ปริมาณขายลดลง
• กระแสเงินสดแกร่ง: แม้ขาดทุน แต่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง สามารถนำไปจ่ายคืนหนี้ ลดดอกเบี้ยจ่ายได้
• Q2/68 คาดกำไร: คาดการณ์ผลประกอบการ Q2/68 จะกลับมาทำกำไรได้จากปริมาณขายและส่วนต่างราคา (Spread) ที่เพิ่มขึ้น
• ผลกระทบภาษีจำกัด: ฐานการผลิตที่กระจายทั่วโลกช่วยลดผลกระทบจากภาษีการค้า เนื่องจากโรงงานอยู่ใกล้ลูกค้า

ผลประกอบการ Q1/68: ขาดทุนจากการหยุดซ่อมบำรุง

IVL รายงานผลขาดทุน 1.3 พันล้านบาทใน Q1/68 (เทียบกับกำไร 1.1 พันล้านบาทใน Q4/67 และ Q1/67) หากไม่รวมรายการพิเศษ ขาดทุนอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท Adjusted EBITDA อยู่ที่ 9.4 พันล้านบาท (-23%QoQ, -34%YoY) ปัจจัยหลักที่ทำให้ผลประกอบการลดลงคือ:

• ปริมาณขายลดลง 4%QoQ, 8%YoY โดยเฉพาะธุรกิจ Combined PET ลดลง 5%QoQ, 10%YoY จากการหยุดซ่อมบำรุง
• ส่วนต่างราคา (Spread) ของผลิตภัณฑ์ PET และ MTBE ลดลง
• ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจ Indovinya และ Fibers ยังคงแข็งแกร่ง โดยธุรกิจ Indovinya ได้รับผลดีจาก HVA ที่มีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น และธุรกิจ Fibers ได้รับผลดีจากการลดต้นทุน

ข้อสังเกตและแนวโน้ม

บ. หลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มองว่า IVL มีการบริหารจัดการกระแสเงินสดที่ดี แม้ผลประกอบการจะขาดทุน โดยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกถึง 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้สามารถนำไปจ่ายคืนหนี้และลดดอกเบี้ยจ่ายได้

สำหรับแนวโน้ม Q2/68 คาดว่าจะกลับมาทำกำไรได้จาก:

• ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นหลังจากการหยุดซ่อมบำรุง
• ความต้องการ PET ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
• ส่วนต่างราคา (Spread) ที่เพิ่มขึ้น โดย Asian Integrated PET Spread ในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 22%QoQ, 9%YoY
• ธุรกิจ Fibers ที่ดีขึ้นตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ฐานการผลิตที่กระจายทั่วโลกยังช่วยลดผลกระทบจากภาษีการค้า เนื่องจากโรงงานสามารถผลิตและขายในพื้นที่ใกล้ลูกค้าได้

คำแนะนำและราคาเป้าหมาย

บ. หลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" IVL โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 25.00 บาท มองว่าการขาดทุนใน Q1/68 เป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราวจากการหยุดซ่อมบำรุง และคาดว่าแนวโน้ม Q2/68 จะกลับมาทำกำไรได้จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ส่วนต่างราคา (Spread) ที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนการผลิตและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง

ทั้งนี้ ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท มาจากการประเมินมูลค่าด้วยวิธี 1.2x 25F BV