บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SNC กำไร Q1/68 วูบ! กลุ่มยานยนต์ฉุด แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าพุ่งแรง พยุงผลงาน
P/E 3.49 YIELD 0.00 ราคา 6.00 (0.00%)
เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) โชว์ผลงาน Q1/68 กำไรสุทธิ 385 ล้านบาท แม้รายได้รวมลดลง แต่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าโตเด่น ช่วยชดเชยกลุ่มยานยนต์ที่ซบเซา
ไฮไลท์สำคัญ: กำไรลด แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าช่วยชีวิต
บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) (SNC) รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 มีรายได้รวม 3,636 ล้านบาท ลดลงจาก 4,665 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิอยู่ที่ 385 ล้านบาท และมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 698 ล้านบาท ถึงแม้รายได้รวมจะลดลง แต่การเติบโตของกลุ่มงานผลิตและประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ช่วยชดเชยผลกระทบจากการลดลงของรายได้ในกลุ่มงานอื่นๆ ได้อย่างมีนัยสำคัญ
กลุ่มยานยนต์ฉุด, เครื่องใช้ไฟฟ้าดัน: ผลงานสองขั้ว
ผลประกอบการของ SNC ในไตรมาสนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในแต่ละกลุ่มธุรกิจ:
- กลุ่มงานชิ้นส่วนยานยนต์: รายได้ลดลง 60 ล้านบาท จากคำสั่งซื้อที่ลดลง ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง 6 ล้านบาท
- กลุ่มงานผลิตและประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้า: รายได้เพิ่มขึ้นถึง 2,586 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อเครื่องปรับอากาศ ทั้งจากลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 188 ล้านบาท
- กลุ่มงาน Metal Part: รายได้เพิ่มขึ้น 21 ล้านบาท จากยอดขายชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศที่เพิ่มขึ้น แต่การแข่งขันด้านราคา ทำให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง 8 ล้านบาท
- กลุ่มงาน Other: รายได้เพิ่มขึ้น 30 ล้านบาท จากธุรกิจสนามกอล์ฟ ทำให้ขาดทุนจากการดำเนินงานลดลง 7 ล้านบาท
ข้อสังเกต: บริหารจัดการต้นทุน-คุมค่าใช้จ่าย ยังเป็นหัวใจหลัก
แม้ว่ารายได้รวมของ SNC จะลดลงในไตรมาสนี้ แต่การที่บริษัทยังคงสามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 385 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง การเติบโตอย่างโดดเด่นของกลุ่มงานผลิตและประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้ายังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงผลประกอบการโดยรวมของบริษัท
สรุป: SNC ยังต้องเผชิญความท้าทาย
SNC มีผลประกอบการที่ผสมผสานในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 โดยกลุ่มงานผลิตและประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ การลดลงของรายได้ในกลุ่มงานชิ้นส่วนยานยนต์และการแข่งขันด้านราคาในกลุ่มงาน Metal Part เป็นปัจจัยที่กดดันผลประกอบการโดยรวม การบริหารจัดการต้นทุนและการควบคุมค่าใช้จ่ายยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในระยะยาว