บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ: แนวโน้มกำไร CPF ไตรมาส 1/68

ASPS คาดการณ์กำไรปกติของ CPF ในไตรมาส 1/68 จะอยู่ที่ 6.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และโดดเด่นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรเพียง 358 ล้านบาท ปัจจัยหนุนหลักมาจากราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสุกรในไทยและเวียดนาม ซึ่งมีปัญหาอุปทานตึงตัว ในขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงลดลงอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยหนุนกำไร: ราคาเนื้อสัตว์และต้นทุนการเลี้ยง

ราคาสุกรในประเทศเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยเฉลี่ยในไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 79.5 บาท/กก. (+12.6% qoq, +26.6% yoy) จากอุปทานที่ลดลงตามนโยบายของภาครัฐ และปัญหาสุกรเถื่อนที่ลดลง ราคาสุกรในเวียดนามก็เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี อยู่ที่เฉลี่ย 68,000 ดอง/กก (+13% qoq, +27% yoy) จากอุปทานตึงตัวหลังการระบาดของโรค ASF ในขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง ทั้งข้าวโพดและกากถั่วเหลืองอยู่ที่ 10.00 บาท/กก (-11% qoq, -4% yoy) และ 17 บาท/กก (-10% qoq, -25% yoy) จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

แนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ในไตรมาส 2/68 ยังคงขยับตัวขึ้น โดยราคาสุกรไทยล่าสุดอยู่ที่ 86 บาท/กก. และราคาสุกรในเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 6.9 หมื่นดอง/กก. ในขณะที่ราคากากถั่วเหลืองลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 16.3 บาท/กก. และข้าวโพดเคลื่อนไหวบริเวณ 10.5 บาท/กก. หากทิศทางราคาเนื้อสัตว์ยังยืนสูงได้อย่างต่อเนื่อง บวกกับการลดลงของต้นทุนวัตถุดิบ จะหนุนให้การเคลื่อนไหวของมาร์จิ้นแกว่งตัวในกรอบกว้าง และส่งผลให้การดำเนินงานในไตรมาส 2/68 ยังมีทิศทางที่แข็งแกร่ง

คำแนะนำและมูลค่าพื้นฐาน: Outperform ที่ราคาเป้าหมาย 30 บาท

ASPS ยังคงแนะนำ "Outperform" สำหรับ CPF โดยมีมูลค่าพื้นฐานปี 2568 ที่ 30.00 บาท (อิง PBV 1 เท่า) จากทิศทางกำไรในไตรมาส 1/68 ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม และมีโอกาสยืนสูงต่อเนื่องในไตรมาส 2/68 ปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากทิศทางราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสุกรไทยและเวียดนาม จากอุปทานที่ลดลงและโรคระบาด ท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ

ผลกระทบจากนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อยู่ในวงจำกัด เนื่องจากมีการส่งออกโดยตรงจากไทยไปสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.3% ของยอดขายรวม และฐานการผลิตในประเทศอื่นแทบไม่มีการส่งออกไปสหรัฐฯ เช่นกัน