ถอดรหัส MPJ Logistics: โอกาสทองจาก BOI และแผนลงทุน 554 ล้าน ปี 2568

P/E 5.82 YIELD 8.57 ราคา 3.50 (0.00%)

ถอดรหัส MPJ Logistics: โอกาสทองจาก BOI และแผนลงทุน 554 ล้าน ปี 2568

สวัสดีครับ ผมนายสิทธิวัฒน์ เลิศอมรกิติ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายขายและการตลาด

กระผมนายไพรัตน์ ภูขันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน

ขอต้อนรับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นเข้าสู่งาน Opportunity Day ประจำไตรมาส 2 ของบริษัท MPJ Logistics

บริษัท MPJ Logistics ก่อตั้งในปี 2551 และมีการจดทะเบียนเพื่อดำเนินงานด้านขนส่งในประเทศด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท

ในเดือนพฤศจิกายน ได้มีการจดบริษัท MPJDC ที่ให้บริการลานตู้คอนเทนเนอร์ ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท

ในปี 2553 MPJ ได้เพิ่มไลน์ธุรกิจในการจดบริษัท MPJWD ด้านการจัดการคลังสินค้าด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท

ปี 2562 ได้มีการทำ JV กับบริษัท OCL ซึ่งเป็นบริษัทสายเรือชั้นนำ ด้วยเงินลงทุนประมาณ 8 ล้านบาท เพื่อจัดการลานตู้คอนเทนเนอร์ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง

ปี 2565 MPJ ได้เพิ่มไลน์บริษัทในการทำธุรกิจจัดการ Freight Forwarder หรือการขนส่งระหว่างประเทศ และเพิ่มทุนจาก 5 ล้านบาท เป็น 74 ล้านบาท

ปี 2566 ได้มีการขยาย Warehouse ในพื้นที่ EEC ฝั่งตะวันออกทั้งหมด ประมาณ 12,000 ตารางเมตร ในจังหวัดระยอง เพื่อสนับสนุนการให้บริการคลังสินค้าแก่ลูกค้าใน Industrial Estate

ปี 2567 MPJ Logistics ได้นำชื่อเข้าตลาดหุ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

MPJ Logistics มี 4 BU หลัก ได้แก่ การขนส่งระหว่างประเทศ, การจัดการลานตู้คอนเทนเนอร์, Freight Forwarder และคลังสินค้า

  • รายได้รวมอยู่ที่ 267 ล้านบาท โตจากปีที่แล้ว 14.2%
  • EBITDA อยู่ที่ 45 ล้านบาท โตขึ้น 38%
  • Net Profit อยู่ที่ 30 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 20%
  • DE Ratio ลดลงเหลือประมาณ 0.02 เท่า

ผลประกอบการไตรมาส 2 ของ MPJ ในแต่ละ BU:

  • การขนส่งในประเทศ: รายได้ 133 ล้านบาท โตขึ้น 13%
  • ลานตู้คอนเทนเนอร์: รายได้ 83 ล้านบาท โตขึ้น 16.1%
  • Freight Forwarder: รายได้ 43 ล้านบาท โตขึ้น 17%
  • คลังสินค้า (Warehouse): รายได้ 8 ล้านบาท โตขึ้น 2.6%

โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

ลานตู้คอนเทนเนอร์: Q2 ทำรายได้ 83 ล้านบาท โตขึ้น 16%

  • ปัจจุบันมีลานตู้คอนเทนเนอร์ 2 แห่ง บริเวณแหลมฉบัง
  • MPJDC1: พื้นที่ประมาณ 67,200 ตารางเมตร
  • JV กับ OCL: พื้นที่ 25,600 ตารางเมตร

มีการเพิ่มพื้นที่การให้บริการลานสินค้าอีก 2 จุด:

  • จุดแรก: แหลมฉบัง ห่างจาก MPJDC1 ประมาณ 1.5 กิโลเมตร พื้นที่ 30,000 ตารางเมตร รองรับตู้คอนเทนเนอร์นำเข้าและส่งออก คาดว่าจะเปิดให้บริการใน Q4 ปีนี้
  • จุดที่สอง: กรุงเทพฯ ติดกับ ICD ลาดกระบัง พื้นที่ 38,000 ตารางเมตร รองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้ 3,000-3,500 ทีอียู (TEU) คาดว่าจะเปิดในเดือนกันยายนนี้

มีการขยาย JV กับ OCL อีก 5 ปี โดย MPJ จะมี Share Profit กลับมาอีก 7 ล้านบาท หรือ 39% ใน Q2 ที่ผ่านมา

ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

ไม่มีข้อมูลความเสี่ยงที่กำลังเผชิญในส่วนนี้

วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

การขนส่งภายในประเทศ: ไตรมาส 2 มีรายได้ 133 ล้านบาท โตขึ้น 13% ทำได้แล้ว 47.7% ของเป้าหมาย

  • เน้นการจัดการตู้ นำเข้า-ส่งออก และวิ่งผ่านแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ลาว, เวียดนาม, จีน, มาเลเซีย, สิงคโปร์)
  • ขยายการขนส่งภายในประเทศเพิ่มเติม: การกระจายสินค้าทั่วประเทศ (Onboard แล้วตั้งแต่ มิ.ย.) และรถควบคุมอุณหภูมิ (เพิ่มในเดือนหน้า)
  • ปัจจุบันมีรถขนส่งของตัวเอง 215 คัน และ Sub-contractor 50 คัน
  • มีรถ EV เกือบ 30 คัน และมีแผนขยายเป็น 100 คัน ภายในปี 2568

Freight Forwarder: ไตรมาส 2 ทำรายได้ 43 ล้านบาท โตขึ้น 17%

  • 87% ของ Trade Lane ที่ให้บริการอยู่ในเอเชีย
  • 92% เป็นการขนส่งทางสายเรือ, ทางรถ 5%, Air Freight 3%
  • มีแผนศึกษาการขยายการบริการทางอากาศเพิ่มเติมภายในปีนี้

Warehouse: ไตรมาส 2 ทำรายได้ 8 ล้านบาท โตขึ้น 2.6% คิดเป็น 45.2% เทียบกับ Target

  • มี Warehouse 2 ที่: แหลมฉบัง (Free Zone) พื้นที่ 4,500 ตารางเมตร และระยอง 1 พื้นที่ 12,000 ตารางเมตร
  • โครงการใหม่: ขยายการสร้างคลังสินค้า 18,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปลายปีนี้ และให้บริการกลางปีหน้า ค่าเช่าประมาณ 150-160 บาทต่อตารางเมตร

แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

J มองแนวโน้มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ครึ่งปีหลัง 2568 ค่อนข้างนิ่ง และยังคงติดตามสถานการณ์นโยบายด้านภาษี แม้ว่าการนำเข้าส่งออกและการส่งออกยังเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ โดยคาดว่าผลกระทบจากนโยบายภาษียังไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังนี้

บริษัทวางกลยุทธ์ในการให้บริการและรักษาคุณภาพการให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจร เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอย่างถูกต้องและครบถ้วน

Financial Performance

  • รายได้เติบโตขึ้น 14% (Q on Q) และ 17% (6 เดือน) รวม 536 ล้านบาท
  • กำไรขั้นต้นเติบโตขึ้น 24% (Q on Q และ 6 เดือน) อยู่ที่ 65 ล้านบาท และ 131 ล้านบาท ตามลำดับ
  • EBITDA เพิ่มขึ้น 16% (Q on Q) และ 26% (6 เดือน) จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น
  • กำไรสุทธิ 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% (Q on Q) และ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% (6 เดือน) จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ลดลง (ดอกเบี้ย, IPO)

อัตรากำไรขั้นต้นในแต่ละธุรกิจ:

  • ธุรกิจขนส่ง: 14 ล้านบาท (10.8%)
  • ลานตู้คอนเทนเนอร์: 36 ล้านบาท (43%)
  • Freight Forwarder: 9 ล้านบาท (20%)
  • Warehouse: 5 ล้านบาท (67%)

โครงสร้างทางการเงิน:

  • หนี้สินส่วนใหญ่เกิดจากสัญญาเช่า (300 กว่าล้าน)
  • หนี้สินจากสถาบันการเงินเหลือ 10 ล้าน
  • DE ค่อนข้างต่ำที่ 0.02 เท่า

การจ่ายเงินปันผล:

  • จ่าย 0.3 บาทต่อหุ้น (พฤษภาคม 2567)
  • Pay Out Ratio 61% ของผลประกอบการปี 2567
  • ROE 13.6%, ROE 22.2% (สูงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมเดียวกัน)

แผนการลงทุนปี 2568:

  • ตั้งเป้ารายได้เติบโต 22% (1,240 ล้านบาท)
  • แผนลงทุนรวม 554 ล้านบาท โดย DE หลังลงทุนยังน้อยกว่า 0.6 เท่า

การลงทุนในแต่ละ BU:

  • ธุรกิจขนส่ง: ซื้อรถทดแทน 40 ล้าน
  • ลานตู้คอนเทนเนอร์: 194 ล้าน
  • คลังสินค้า: 320 ล้าน (คาดหวังการเติบโตของรายได้)

บริษัทมุ่งมั่นที่จะลงทุนในทุกๆ ปีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเติบโตของรายได้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และสร้างผลกำไรที่เติบโตขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยยังคงยึดมั่นในส่วนของการกำกับดูแลเรื่องการก่อหนี้ในอนาคตไม่ให้เกิน DE ที่กำหนดไว้

โอกาสสำหรับ MPJ

  • การเทียบเรื่องของตัวบริษัทที่มีการจดทะเบียนผ่าน BOI เพื่อขอสิทธิ์มาลงทุนในประเทศไทย
  • มูลค่าการลงทุนและการจดทะเบียนของ BOI มีมูลค่าสูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
  • การลงทุนในเรื่องของนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ MPJ มี Facility ไม่ว่าจะเป็นลานตู้คอนเทนเนอร์ คลังสินค้า การจัดการสินค้านำเข้าและส่งออก Freight Forwarder และการขนส่ง
  • สามารถตอบโจทย์เรื่องของนักลงทุนที่มาลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณ EEC (ชลบุรี, แหลมฉบัง, ระยอง) และกรุงเทพฯ (ICD ลาดกระบัง)

Achievement

  • MPJ Logistics เป็น 1 ใน 13 บริษัทที่ได้รับรางวัล ESG Emerging List
  • ได้รับรางวัล Good Labor Practice (GLP) จากกระทรวงแรงงาน

Innovative

  • TMS (Truck Management System): เพิ่มประสิทธิภาพการหมุนรถ ลดต้นทุน
  • ERP: เก็บ Requirement และมี Working Team กำลังทำเรื่องของตัวระบบนี้อยู่ และมีแพลนจะ Go Live ภายในปีหน้า (2569) เพื่อ Centralize ระบบข้อมูลและการจัดการบัญชีหลังบ้านให้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น
  • Carbon Footprint: Apply รถ EV, Solar Rooftop, เปลี่ยนเรื่องของตัวหลอดไฟ และการสนับสนุนในการทำเรื่องของการลดโลกร้อน

Q&A Session (เริ่ม นาทีที่ 43:40)

คำถาม: MPJ มองแนวโน้มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ครึ่งปีหลังปี 2568 เป็นอย่างไร รวมถึงกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจโลจิสติกส์ไว้อย่างไร?

คำตอบ:

  • แนวโน้มโลจิสติกส์ในช่วงครึ่งปีหลังค่อนข้างนิ่ง
  • นโยบายทางด้านภาษียังไม่มีผลกระทบต่อผลประกอบการของ MPJ Logistics
  • ยังคงติดตามสถานการณ์ต่อไป
  • ประเทศไทยพึ่งพิงการนำเข้าส่งออก และการส่งออกยังเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ
  • ถึงแม้มีผลกระทบในแง่ของภาษี แต่ไม่ได้กระทบในแง่ของสินค้าพื้นฐานที่ต้องมีการส่งออก
  • คาดว่าผลกระทบยังไม่ได้มีผลกระทบอย่างเป็นนัยยะสำคัญในครึ่งปีหลัง
  • ยังคงวางกลยุทธ์ในการให้บริการและรักษาคุณภาพการให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจร เพื่อให้รองรับความต้องการของลูกค้าให้ถูกต้องและครบถ้วน

คำถาม: ภายหลังจากนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกาที่ออกมาอย่างชัดเจนในเรื่องมาตรการภาษี ส่งผลอย่างไรต่อภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์?

คำตอบ:

  • ปริมาณการนำเข้าส่งออกในไตรมาส 1-2 มีการนำเข้าส่งออกที่เพิ่มขึ้นประมาณ 15%
  • GDP ของไตรมาส 2 อยู่ที่ 2.8% เพิ่มขึ้นจากที่วางเป้าหมายไว้เล็กน้อย
  • นโยบายของทรัมป์ ทำให้เกิดการทำ Forward Loading (ส่งออกกันมากกว่า Demand ที่แท้จริง เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี)
  • ภาษีของทรัมป์ตอนนี้อยู่ที่ 29%
  • เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน (South East Asia) ตัวเลขก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่
  • ปริมาณการส่งออกจะเป็นไปตามทิศทางหรือตามเทรนด์ในแต่ละไตรมาส คาดว่าช่วงไตรมาส 3-4 ตัวเลขน่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1-2 แต่ต้องติดตามเรื่องของการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย

คำถาม: กรณีการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมโลจิสติกส์และ MPJ อย่างไรบ้าง?

คำตอบ:

  • ถ้าเป็นเรื่องของการทั้งนำเข้าวัตถุดิบ การผลิต การส่งออก และการบริโภคภายในประเทศ MPJ จะได้รับอานิสงส์ในเรื่องของ Volume แน่นอน
  • Volume จะโตขึ้น
  • มีผลในเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั้งระบบ

เนื่องจากเวลาของเราค่อนข้างจำกัด หากตอบคำถามไม่ครบถ้วน ทางเราจะนำไปตอบไว้ในเว็บไซต์ของบริษัท ท่านสามารถติดตามการตอบคำถามของเราได้ในเว็บไซต์ของบริษัท

วันนี้ขออนุญาตจบ Opportunity Day ของ MPJ ประจำไตรมาส 2 ไว้ ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ

โพสต์ล่าสุด