บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
MegaChem (MGT): สรุป Oppday ปี 2568 ไตรมาส 2 - ทิศทางและโอกาสทางธุรกิจ
P/E 6.86 YIELD 6.21 ราคา 1.61 (0.00%)โอเคครับ นี่คือสรุปเนื้อหาจาก Oppday ของบริษัท MegaChem (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGT ครับ
MegaChem (MGT): สรุป Oppday ปี 2568 ไตรมาส 2 - ทิศทางและโอกาสทางธุรกิจ
บริษัท MegaChem (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGT ดำเนินธุรกิจเป็น Chemical Distributor และ Chemical Solution Provider โดยมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 โดยมีสัญลักษณ์คือ MGT สีเขียว และราคา Par Value 0.50 บาทต่อหุ้น สำนักงานตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง
วิสัยทัศน์ของบริษัทคือการเป็น The Best Solution Provider of Chemicals และมีพันธกิจคือ To Provide the Superior Value of Chemical Services and Solution to Our Partners
Core Value ของบริษัทมี 4 ตัว ได้แก่:
- Care
- Collaboration
- Accountability
- Respect
- Entrepreneurial Mindset (CARE)
ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
MGT จดทะเบียนบริษัท MegaChem Thailand ในปี 2535 (1992) ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เป็นผู้ร่วมทุนระหว่างกลุ่มคนไทย 51% และ MegaChem Singapore 49% ในปี 2559 (2016) ได้เพิ่มทุนเป็น 150 ล้านบาท เพื่อเตรียมตัวเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเปลี่ยนจากทุน Par 100 บาทต่อหุ้น เป็น 0.5 บาทต่อหุ้น
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 (2017) ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ในปี 2561 (2018) ได้ Joint Venture กับทางพม่า ตั้งชื่อว่า MegaChem Myanmar โดย MGT ถือหุ้น 51% และเมียนมาร์ถือ 49% นอกจากนี้ยังได้ M&A กับบริษัท MegaChem Plus โดย MGT ถือหุ้น 80% และผู้ถือหุ้นเก่าอีก 20% เพื่อนำเข้า Ethanol แปรสภาพจาก South Africa และออสเตรเลีย
ปี 2564 (2021) ร่วมทุนกับทางญี่ปุ่น ตั้งชื่อว่าบริษัท Mega Fuji Graphite ทำเรื่องของ Expandable Graphite โดย MGT ถือ 49% ทางญี่ปุ่นถือ 51% โรงงานกำลังก่อสร้างอยู่ที่ปลวกแดง ชลบุรี และในเดือนกันยายน 2564 (2021) ได้ M&A กับบริษัท Green Leaf Chemical โดย MGT ถือหุ้น 55% ทำเรื่องของ Personal Care และ Food Skin Testing
โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
ธุรกิจของ MGT และบริษัทในเครือมี 5 Business Unit ใหญ่ๆ ได้แก่:
- Performance Coating (สี, หมึกพิมพ์, Construction, Adhesive)
- Polymer and Advanced Composite (Polymer ที่ทำพลาสติกต่างๆ เช่น PP, PE, PVC, ABS, Polycarbonate PC และ Masterbatch, Plastic Compound, Rubber)
- Oil and Gas (เคมีเกี่ยวกับการขุดเจาะน้ำมัน, Grease and Lubricant)
- Life Science and Biotech (Green Leaf ในเรื่อง Personal Care, MegaChem Plus ที่นำเข้า Ethanol แปรสภาพ)
- Surface Technology (การทำความสะอาดผิวโลหะสำหรับ Spare Parts สำหรับ Automotive หรือ Electronic ต่างๆ)
ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ใน Q2 ปี 2568 (2025) บริษัททำยอดขายได้ 294 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 1 ล้านบาท (YoY) คิดเป็น 1% GP คงที่จากปีที่แล้วอยู่ที่ 92 ล้านบาท Margin อยู่ที่ 32% SGA เพิ่มขึ้นมา 9.62% จาก 52 ล้านบาท เป็น 57 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินเดือนของพนักงาน
EBITDA ลดลงจาก 46 ล้านบาท เป็น 43 ล้านบาท ลดลง 6% และ Net Profit ลดลงเกือบ 9% จาก 32 ล้านบาท เป็น 29 ล้านบาท เนื่องมาจาก Uncertainty เกี่ยวกับเรื่องของ Tariff ในช่วงแรก ทำให้ Order เงียบลงไปบ้างใน Q2 (เมษายน-พฤษภาคม) แต่คาดการณ์ว่า Q3 น่าจะดีกว่า Q2 และกลับไปพอๆ กับ Q1 ทั้งนี้ต้องดูสถานการณ์ตลาดอีกที
วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
สำหรับ Half Year (6 เดือนที่ผ่านมา) บริษัททำยอดขายเพิ่ม 13.46% จาก 535 ล้านบาท เป็น 607 ล้านบาท CAGR 3 ปี ประมาณ 2.28% Segment หลักๆ ที่เพิ่มคือ Personal Care และ Polymerization ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน
Growth Profit เติบโตขึ้น 8.67% จาก 173 ล้านบาท เป็น 188 ล้านบาท แต่ Growth Margin ตกลงจาก 32% เป็น 31% เนื่องจากการขายให้กับ MNC เพิ่มขึ้น Margin อาจจะ Drop ลงนิดหน่อย แต่ Core Portfolio ยังจะคงไว้ที่เกิน 30% ตามเป้าหมายของ GP Margin
SGA Expense เป็นรูปภาพเดียวกับ Q2 คือเพิ่มขึ้นประมาณ 9.9% จาก 101 ล้านบาท เป็น 111 ล้านบาท ตาม Policy เดียวกันที่เพิ่ม Benefit และเงินเดือนให้กับพนักงาน
EBITDA เติบโตขึ้นที่ 4.65% จาก 86 ล้านบาท เป็น 90 ล้านบาท และ Net Profit เติบโตขึ้นจาก 58 ล้านบาท เป็น 62 ล้านบาท เป็น 6.9%
Financial Position: Assets เพิ่มหลักๆ ในเรื่องของ Inventory และ Cash Inventory ที่เพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องของการเก็บ Stock และ Service ให้กับลูกค้าที่เป็น MNC เพิ่มขึ้น
Liabilities ที่เพิ่มขึ้นจะเป็นในส่วนของ Short-Term Institutional Loan มาจากการที่เอาเงินส่วนนี้มาหมุนใน Inventory Financial Health ยังมั่นใจว่ายังอยู่ใน Status ที่ดีพอสมควร
Shareholders Equity ก็เพิ่มขึ้นมา ส่วนใหญ่จะเป็น Retained Earnings ที่เพิ่มขึ้นมา
แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
Financial Ratio ของ Half Year (6 เดือนย้อนหลัง) โดยรวมแล้ว Cash Conversion Cycle ของบริษัทต่ำลง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติอยู่ AR Turnover สั้นลง Inventory Turnover สูงขึ้น ส่วน AP Turnover สูงขึ้นเหมือนกัน
Inventory ถือครองนานขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ในเมื่อมันมี Uncertainty อยู่ในส่วนของ Demand ของตลาด และ Macroeconomics AR Turnover บริษัทก็พยายามจะทำให้ Drop ไปต่ำกว่า 90 เพื่อที่จะทำให้สถานะการเงินดีขึ้น
Multiple ของเรายังพอ ดูโอเค Net Debt ยังติดลบอยู่ ถ้าเทียบกับ EBITDA และ Debt to EBITDA ก็ยังเป็น Multiple ที่เรายังรับได้อยู่
Interim Dividend: Payment Date จะอยู่ที่วันที่ 5 เดือน 9 ปี 2568 (2025) จ่าย Per Share 0.02 บาท โดยรวมแล้วเงินปันผลทั้งหมดที่จะชำระคือประมาณ 8 ล้านบาท ในช่วง Interim ครั้งนี้
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่ม นาทีที่ 30:50
คำถามเกี่ยวกับ Margin ของ Green Leaf
Margin ของ Green Leaf ยังมีโอกาสที่จะขยับได้อีกพอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ Product Mix ถ้า Product Mix ไปใน Personal Care มากขึ้น Margin ก็จะดีขึ้น แต่ถ้าไปในกลุ่มของ Commodity มากขึ้น Margin ก็จะลดลง
คำถามเกี่ยวกับภาพรวมอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์
ภาพรวมอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ในช่วงครึ่งปีหลังยังทรงๆ ตัว แต่ก็มีสัญญาณที่ดีขึ้นในบาง Sector เช่น Automotive ที่เริ่มกลับมา Mass Production ได้มากขึ้น และ Electronics ที่เริ่มกลับมามีความต้องการมากขึ้น แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังมีความผันผวนอยู่
คำถามเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนในอนาคต
นโยบายการลงทุนในอนาคตของบริษัทจะเน้นไปที่การลงทุนใน Business ที่มี Synergy กับธุรกิจเดิม และสามารถสร้าง Value ให้กับบริษัทได้ในระยะยาว โดยจะพิจารณาการลงทุนในรูปแบบต่างๆ เช่น M&A, Joint Venture, หรือ Greenfield Investment
คำถามเกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามการค้า
ผลกระทบจากสงครามการค้ายังคงมีอยู่ แต่บริษัทได้ปรับตัวโดยการ Diversify แหล่ง Supplier และลูกค้า เพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้า
คำถามเกี่ยวกับเป้าหมายการเติบโตในระยะยาว
เป้าหมายการเติบโตในระยะยาวของบริษัทคือการเป็นผู้นำในตลาด Chemical Distribution ในประเทศไทย และขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ โดยจะเน้นไปที่การสร้าง Value ให้กับลูกค้า และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
คำถามเกี่ยวกับความยั่งยืน (Sustainability)
บริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน และได้มีการดำเนินงานต่างๆ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคม เช่น การใช้พลังงานทดแทน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการส่งเสริมความหลากหลายในองค์กร
โดยสรุปแล้ว MegaChem (MGT) ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโตในอนาคต โดยมุ่งเน้นที่การขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ การลงทุนในเทคโนโลยี และการให้ความสำคัญกับความยั่งยืน