บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
สรุป OPPDAY LH: ครึ่งปี 2568 ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ชูจุดแข็งบ้านเดี่ยว รักษาความสามารถในการทำกำไร
P/E 7.48 YIELD 9.14 ราคา 3.50 (0.00%)
สรุป OPPDAY LH: ครึ่งปี 2568 ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ชูจุดแข็งบ้านเดี่ยว รักษาความสามารถในการทำกำไร
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบจากปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ
เชิงลบ:
- ภาวะเศรษฐกิจมหภาคของประเทศชะลอตัว ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมซบเซา
- ความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนมีนาคม ทำให้ผู้บริโภคลลังเลในการตัดสินใจซื้อ
- เหตุการณ์แผ่นดินไหวและนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
- ยอดขายโดยรวมลดลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเฉพาะ segment บน (บ้านราคา 30 ล้านบาทขึ้นไป)
- รายได้จากธุรกิจโรงแรมและค่าเช่าลดลง 15% จากปีที่แล้ว เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน
- อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 26.6% เหลือ 25.6% เนื่องจากการแข่งขันสูงและความต้องการซื้อชะลอตัว
เชิงบวก:
- การผ่อนคลายมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์
- ยอดขายในไตรมาส 2 ปรับตัวดีขึ้น 24% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1
- ยอด Backlog ที่สามารถรับรู้รายได้ภายในปีนี้เพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว
- บริษัทสามารถขายอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐอเมริกาได้กำไรก่อนภาษี 713 ล้านบาทในไตรมาส 2
- สัดส่วนยอดขายบ้านเดี่ยวมากกว่า 85% ของยอดขายทั้งหมด
- บริษัทสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 25% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ยังคงมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในหลายด้าน และมีกลยุทธ์ในการคว้าโอกาสเหล่านั้น:
- การเปิดตัวโครงการใหม่แบรนด์ "วิเว่" ระดับราคา 60 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีในเดือนพฤษภาคม
- การขยายธุรกิจโรงแรมไปยังทำเลใหม่ๆ เช่น พัทยาและเยาวราช
- การร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่า เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
- การลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น ธุรกิจ HomePro
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ตระหนักถึงความเสี่ยงและความท้าทายต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ:
- ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการเมืองทั้งในและต่างประเทศ
- การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์
- ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยและค่าเงิน
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
เพื่อรับมือกับความเสี่ยงและความท้าทายต่างๆ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ได้ดำเนินมาตรการต่างๆ ดังนี้:
- การควบคุมค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนในการดำเนินงาน
- การปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
- การบริหารความเสี่ยงทางการเงินอย่างรอบคอบ
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์คาดการณ์ว่าแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตจะยังคงมีความท้าทาย แต่บริษัทมีความพร้อมที่จะปรับตัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
- บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ "นันทวัน ราชพฤกษ์-พรานนก" ในช่วงครึ่งปีหลัง
- บริษัทมีแผนที่จะเปิดโรงแรม Grand Center Point Prestige ราชดำริ ในวันที่ 1 ธันวาคม 2568
- บริษัทมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรให้ได้ตามเป้าหมาย
- บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและสังคม
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 45:37]
ปันผลระหว่างกาล
- คำถาม: บริษัทจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลหรือไม่ และถ้าจ่ายจะจ่ายเมื่อไหร่
- คำตอบ: บริษัทยังคงมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลและประจำปีเหมือนเดิม โดยจะปรับการจ่ายจากไตรมาส 2 และ 3 เป็นไตรมาส 2 และ 4 เพื่อลดความผันผวนของ DE Ratio
Occupancy Rate และ Room Rate ของโรงแรม
- คำถาม: อยากทราบ Occupancy Rate และ Room Rate ของโรงแรม Grand Center Point สุรวงศ์ และ Grand Center Point ลุมพินี
- คำตอบ:
- สุรวงศ์: Gross ADR ประมาณ 5,000 กว่าบาท Occupancy Rate ประมาณ 60% (6 เดือนแรกของปี)
- ลุมพินี: Gross ADR ประมาณ 6,000-7,000 บาท Occupancy Rate ประมาณ 23% (6 เดือนแรกของปี)
ยอด Pre-Sale เดือนกรกฎาคม
- คำถาม: ยอด Pre-Sale เดือน 7 เป็นอย่างไรบ้าง
- คำตอบ: เป็นไปตาม Sentiment โดยทั่วไปของอุตสาหกรรม ไม่ได้แตกต่างจากเดือนที่ผ่านมามากนัก
ความคืบหน้าของอพาร์ตเมนต์ Yard ในอเมริกา
- คำถาม: อพาร์ตเมนต์ Yard ในอเมริกา มีความคืบหน้าเป็นอย่างไรบ้าง
- คำตอบ: มีอพาร์ตเมนต์ 3 แห่ง ขายไปแล้ว 2 แห่ง ส่วน Yard อาจจะขาย เนื่องจากบริษัทมองว่าธุรกิจโรงแรมในอเมริกาน่าจะไปได้ดีกว่า แต่ Timing ยังไม่คอนเฟิร์ม
แผนการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน
- คำถาม: แผนการขายสินทรัพย์ใหม่เข้ากองทุน ภายใน 3-5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร
- คำตอบ: จะเป็นสินทรัพย์ในประเทศไทย ประกอบด้วยโรงแรม Grand Center Point ที่บริหารและเป็นเจ้าของอยู่ (สุรวงศ์ ลุมพินี พัทยา เยาวราช ราชดำริ) โดยจะเปิดให้บริการโรงแรมก่อน แล้วค่อยขายเข้ากอง REIT เพื่อนำเงินไปสร้างโรงแรมใหม่และขยายกิจการ
มุมมองต่อเทรนด์การสร้างบ้านด้วยเทคโนโลยี 3D
- คำถาม: บริษัทมีมุมมองบวกหรือลบอย่างไรต่อเทรนด์การสร้างบ้านด้วยเทคโนโลยี 3D ในอนาคต
- คำตอบ: การสร้างบ้านด้วย 3D Printer ช่วยลดระยะเวลาในการสร้าง แต่แรงงานในไทยไม่ได้แพงเหมือนต่างประเทศ ระบบไฟ ระบบน้ำ และการตกแต่งยังต้องทำอยู่ดี บ้านส่วนใหญ่ใช้ปูนทั้งหลัง ทำให้มูลค่าวัสดุแพงขึ้น และมักเป็นบ้านชั้นเดียว ซึ่งอาจไม่เป็นที่นิยมในไทย ดังนั้นในระยะสั้นอาจยังไม่เห็นผล แต่ระยะยาวขึ้นอยู่กับการพัฒนาเทคโนโลยี
แนวโน้มครึ่งปีหลัง
- คำถาม: แนวโน้มครึ่งปีหลัง บริษัทมองอย่างไรบ้าง
- คำตอบ:
- ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์: ต้องรอดูผลของการปรับ LTV และการลดอัตราดอกเบี้ย
- ธุรกิจให้เช่า: จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี
- ธุรกิจการลงทุน: รายได้ส่วนใหญ่มาจาก HomePro และต้องดูสภาพเศรษฐกิจโดยรวมและการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค
ผลกระทบจากแรงงานเขมรกลับประเทศ
- คำถาม: แรงงานจากเขมรกลับประเทศมีผลต่อการก่อสร้างบ้านหรือไม่
- คำตอบ: มีผล แต่ไม่มากนัก เพราะบริษัทลดกำลังการผลิตลงอยู่แล้ว เพื่อลดสินค้าคงเหลือ ลดหนี้ และลดค่าใช้จ่าย
แผนการเปิดตัวโรงแรม Grand Center Point พัทยา และไชน่าทาวน์
- คำถาม: จะชะลอการเปิดตัวโรงแรม Grand Center Point พัทยา และไชน่าทาวน์ หรือไม่
- คำตอบ: ไม่ชะลอการเปิดตัวพัทยา ส่วนไชน่าทาวน์ยังอยู่ในกระบวนการ EIA และไม่คิดว่าจะมีการ Delay
แผนการลงทุนในอเมริกาเพิ่ม
- คำถาม: บริษัทมีแผนลงทุนในอเมริกาเพิ่มหรือไม่
- คำตอบ: ตอนนี้ยังไม่มี
แผนการรักษาปการรักษา ระดับรายได้และกำไร
- คำถาม: บริษัทมีแนวทางรักษาระดับรายได้และกำไรอย่างไร ในสภาวะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซาและบริษัทมีแผนเปิดบ้านใหม่ค่อนข้างน้อย
- คำตอบ: บริษัทมีธุรกิจหลากหลาย ไม่ได้พึ่งธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง มีการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจให้เช่า การขายสินทรัพย์เข้ากองทุน และการลงทุนในบริษัทอื่นๆ
เป้าหมายยอดขาย
- คำถาม: จะกระทบต่อรายได้มากน้อยแค่ไหน และจะน้อยกว่าครึ่งปีแรกหรือไม่
- คำตอบ: เป้าหมายยอดขาย (Pre-Sale) ครึ่งปีหลังอยู่ที่ประมาณ 11,000 ล้านบาท สูงกว่าครึ่งปีแรกที่ทำได้ 8,000 ล้านบาท ถือเป็นความท้าทาย แต่ด้วยมาตรการ LTV และการลดอัตราดอกเบี้ย ก็ยังมีสิทธิ์ลุ้นให้ทำได้ตามเป้า
โดยสรุป LH เผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรได้ดีด้วยธุรกิจที่หลากหลาย โดยเฉพาะความแข็งแกร่งของบ้านเดี่ยว และมีแนวโน้มที่ดีจากการกลับมาของนักท่องเที่ยว