บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ:

มาลีกรุ๊ปฯ (MALEE) รายได้รวม Q2/68 อยู่ที่ 2,003.9 ล้านบาท ลดลง 8.1% YoY แต่เพิ่มขึ้น 10.1% QoQ กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่อยู่ที่ 81.1 ล้านบาท ลดลง 20.0% YoY แต่เพิ่มขึ้น 14.5% QoQ

ผลประกอบการที่น่าสนใจ:

รายได้รวมลดลง YoY จากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้นมและผลไม้กระป๋องที่ชะลอตัว รวมถึงรายได้จากธุรกิจ CMG ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ยอดขายน้ำมะพร้าวแบรนด์ในประเทศยังคงเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์นมรายอื่น และการขยายตัวของรายได้จากกลุ่มน้ำมะพร้าวในตลาดต่างประเทศ การที่รายได้รวมเพิ่มขึ้น QoQ เป็นผลมาจากความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวที่ขยายตัว การได้ลูกค้ารายใหม่ในกลุ่มกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม การเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อจากลูกค้าเดิมในกลุ่มผลิตภัณฑ์นม และการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้าผลไม้กระป๋องตามฤดูกาล

กำไรขั้นต้น ลดลง 9.3% YoY และอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 20.4% เป็น 20.1% YoY สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง

สินทรัพย์รวม ณ 30 มิถุนายน 2568 อยู่ที่ 5,513.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.0% จากสิ้นปี 2567 หนี้สินรวมอยู่ที่ 3,002.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% จากสิ้นปี 2567 และส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่อยู่ที่ 2,511.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% จากสิ้นปี 2567

ข้อสังเกต:

โครงสร้างรายได้: ธุรกิจตราสินค้าของบริษัทฯ คิดเป็น 39%, ธุรกิจ CMG คิดเป็น 60% และธุรกิจการเกษตรและฟาร์มโคนมคิดเป็น 1% ของรายได้รวม ยอดขายในประเทศคิดเป็น 60% และยอดขายต่างประเทศคิดเป็น 40% ของรายได้รวม มาลีกรุ๊ปฯ เปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรม "มาลีพาวเวอร์ แพลนท์" พร้อมเทคโนโลยี InnoGut และได้รับคัดเลือกเข้า Top 10 Innovation เวที SIAL Shanghai 2025

สรุป:

แม้ MALEE จะเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์ภายนอก แต่ยังคงมองเห็นโอกาสการเติบโตจากธุรกิจ CMG และการขยายช่องทางจัดจำหน่ายของ Malee COCO บริษัทฯ ตระหนักถึงความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ชายแดนที่ไม่แน่นอนและนโยบายการจัดเก็บภาษีที่เข้มงวดในเวียดนาม