https://aio.panphol.com/assets/images/community/8636_645B75.png

NPK กำไรพุ่ง 411% ในไตรมาส 2/68! ยอดขายโตกระฉูด ดันงบรวมครึ่งปีแรกโต 454%

P/E 5.40 YIELD 0.00 ราคา 13.00 (0.00%)

ไฮไลท์สำคัญ: NPK โชว์ผลงานไตรมาส 2/68 สุดปัง กำไรสุทธิโตกว่า 400% หนุนภาพรวมครึ่งปีแรกกำไรทะยานกว่า 450% ยอดขายทั้งในและต่างประเทศเติบโตโดดเด่น

บมจ. นิวพลัสนิตติ้ง (NPK) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2568 สุดร้อนแรง! กำไรสุทธิพุ่งทะยานถึง 411.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนให้ผลประกอบการรวมครึ่งปีแรกเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 454.41% ปัจจัยหลักมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผลประกอบการสุดปัง: รายได้ทะยาน กำไรพุ่งกระฉูด

งบการเงินรวม:

  • ไตรมาส 2/2568: รายได้รวม 65.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.02% กำไรสุทธิ 13.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 411.21%
  • งวด 6 เดือน: รายได้รวม 134.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.58% กำไรสุทธิ 20.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 454.41%

งบการเงินเฉพาะกิจการ:

  • ไตรมาส 2/2568: รายได้รวม 51.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.12% กำไรสุทธิ 12.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 351.41%
  • งวด 6 เดือน: รายได้รวม 113.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.61% กำไรสุทธิ 18.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 350.48%

การเติบโตของรายได้มาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของสินค้ากลุ่มผ้าทอและผ้าผืน ทั้งในตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยอดขายในต่างประเทศที่เติบโตอย่างโดดเด่นถึง 223.26% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี

ปัจจัยหนุนการเติบโต: บริหารต้นทุนเยี่ยม ยอดขายต่างแดนสุดปัง

NPK สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราการเพิ่มขึ้นของต้นทุนขายต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของยอดขาย นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการได้อีกด้วย ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของยอดขายในต่างประเทศ

ที่สำคัญ การตั้งประมาณการผลขาดทุนทางภาษีสะสมที่คาดว่าจะสามารถใช้สิทธิทางภาษีได้ในอนาคต ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนให้กำไรสุทธิของ NPK เติบโตอย่างก้าวกระโดด

ฐานะการเงินแข็งแกร่ง: D/E Ratio ต่ำ สะท้อนความมั่นคง

สินทรัพย์รวมของ NPK เพิ่มขึ้น โดยมีสินทรัพย์หมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากเงินสดและลูกหนี้การค้าที่มากขึ้น ในขณะที่สินค้าคงเหลือลดลง ด้านหนี้สินรวมก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการเพิ่มขึ้นของเงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.20 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท

ข้อสังเกต: นักลงทุนควรติดตามการเติบโตของยอดขายในต่างประเทศอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่าย นอกจากนี้ ควรพิจารณาผลกระทบของการตั้งประมาณการผลขาดทุนทางภาษีสะสมต่อผลการดำเนินงานในอนาคตด้วย

โพสต์ล่าสุด