บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
สรุป Oppday BEM: ไตรมาส 1 ปี 2568 - ความท้าทายและโอกาสท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
P/E 21.51 YIELD 2.75 ราคา 5.45 (0.00%)
สรุป Oppday BEM: ไตรมาส 1 ปี 2568 - ความท้าทายและโอกาสท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 ของ BEM พบว่าธุรกิจยังคงเติบโตได้ แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- ทางด่วน: ปริมาณจราจรเฉลี่ย 1.11 ล้านเที่ยวต่อวัน ลดลง 1.3% จากเหตุการณ์คานสะพานก่อสร้างหล่น อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าผ่านทางเฉลี่ยอยู่ที่ 25.4 ล้านบาทต่อวัน ลดลงเพียงเล็กน้อย 1.2%
- รถไฟฟ้า: ยังคงเติบโตได้ดี ปริมาณผู้โดยสารสายสีน้ำเงินเฉลี่ย 450,000 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 4.6% (YoY) รายได้ค่าโดยสารเฉลี่ย 13.1 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 11.1% จากการเติบโตของผู้โดยสารและการปรับอัตราค่าโดยสาร
ภาพรวมรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 4,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2% กำไรสุทธิ 871 ล้านบาท เติบโต 3% โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 20.38%
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
BEM ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568
- เชิงบวก: ธุรกิจรถไฟฟ้ายังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะสายสีน้ำเงินที่มีปริมาณผู้โดยสารและรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- เชิงลบ: ธุรกิจทางด่วนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้ปริมาณจราจรและรายได้ลดลงเล็กน้อย
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ:
- ปัจจัยภายนอก: เหตุการณ์คานสะพานก่อสร้างหล่น, การหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการก่อสร้าง, การลดลงของทางด่วนศรีรัช Sector D
- ปัจจัยภายใน: ค่าซ่อมบำรุงที่ลดลงตามแผนงาน, ค่าบริการเดินรถและค่าซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ลดลงตามสัญญาสัมปทาน
ตัวเลขทางการเงินและสถิติ:
- รายได้จากการให้บริการ: 4,259 ล้านบาท (+0.2%)
- กำไรสุทธิ: 871 ล้านบาท (+3%)
- อัตรากำไรสุทธิ: 20.38%
- ปริมาณจราจรทางด่วน: 1.11 ล้านเที่ยวต่อวัน (-1.3%)
- รายได้ค่าผ่านทางเฉลี่ย: 25.4 ล้านบาทต่อวัน (-1.2%)
- ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน: 450,000 เที่ยวต่อวัน (+4.6%)
- รายได้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าเฉลี่ย: 13.1 ล้านบาทต่อวัน (+11.1%)
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในระยะสั้นและระยะยาว:
- ระยะสั้น: การกลับมาเปิดให้บริการตามปกติของทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง, การเปิดเทอมของโรงเรียน (พฤษภาคม), วันหยุดที่น้อยลง (มิถุนายน)
- ระยะยาว: โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม, โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยายลงใต้
กลยุทธ์ที่บริษัทใช้ในการคว้าโอกาส:
- การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตามแผน
- การเจรจาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยายลงใต้กับรัฐบาล
- การศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการทางด่วนและมอเตอร์เวย์อื่นๆ
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายหลายด้าน:
- ความเสี่ยงด้านการตลาด: ความกังวลของผู้ใช้ทางจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน, สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก, พฤติกรรมการทำงานแบบ Hybrid Work
- ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน: การควบรวมกิจการของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความเสี่ยง:
- ปริมาณจราจรและรายได้อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
- การเติบโตอาจไม่สูงเท่าที่คาดการณ์ไว้
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
บริษัทมีแผนการรับมือกับความเสี่ยงและความท้าทาย:
- การตรวจสอบและประเมินความแข็งแรงของโครงสร้าง
- การให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
บริษัทมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายในการเติบโตในระยะยาว:
- การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (คาดการณ์ปี 2570-2571)
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 25:27]
Q: บริษัทมีความกังวลอะไรใน 1-3 ปีข้างหน้า และมีแผนรับมืออย่างไร?
A: บริษัทมีความมั่นคงและให้บริการด้วยดีมาตลอด จึงยังไม่มีความกังวลใดๆ นอกจากการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด ซึ่งมีแผนรองรับอยู่แล้ว นอกจากนี้ โครงการใหม่ๆ ก็เป็นไปตามแผน
Q: บริษัทให้ความสำคัญกับอะไรเป็นสิ่งแรกในการดำเนินธุรกิจ?
A: ความปลอดภัยเป็นอันดับแรก (Safety First Priority) เห็นได้จากหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่มีการสำรวจโครงสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินและทางด่วนอย่างละเอียด
Q: ตัวเลข ROIC เทียบกับ WACC เป็นอย่างไร?
A: ตัวเลขทั้งสองใกล้เคียงกัน แต่รายละเอียดมาก ต้องดูในทางการเงิน
Q: แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 เป็นอย่างไร คาดว่าจะโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหรือไม่ เพราะอะไร?
A: คาดว่า Q2 จะเติบโต แต่ไม่สูงเท่าที่มองไว้ เพราะยังมีผลกระทบอยู่ แต่ก็ยังน่าจะโตกว่า Q2 ปีที่แล้ว จากปริมาณผู้ใช้ทางและผู้โดยสาร
Q: ตั้งเป้ารายได้สำหรับปีนี้เติบโตเท่าไร เพราะอะไร เตรียมงบลงทุนไว้เท่าไร ทำอะไรบ้าง?
A: รายได้คงโตตามปกติ Q1 โตมา 2% กว่า Q2 ค่อยดูอีกที ทั้งปีน่าจะโต โดยมีการลงทุนในรถไฟฟ้าสายสีส้มตามแผน ซึ่งทำไปได้ 3-4% แล้ว
Q: ปีนี้จะมีการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าหรือทางด่วนหรือไม่?
A: รถไฟฟ้ายังไม่ปรับ เพราะเพิ่งปรับไปเมื่อกรกฎาคมปีที่แล้ว โดยจะคิดอัตราค่าโดยสารทุก 2 ปี แต่จะปรับมากน้อยขึ้นอยู่กับ CPI Bangkok Non-Food ซึ่งจะปรับอีกทีเดือนกรกฎาคมปีหน้า (2569) ส่วนทางด่วนยังไม่ปรับตามสัญญา จะปรับอีกทีปี 2571 ขั้นที่ 1 และ 2 ส่วนเส้นใหม่ตรงบางซื่อ จะปรับทุก 5 ปี ซึ่งจะปรับอีกทีปีหน้า (2569)
Q: เป้าหมายรายได้โต 4-5% ในปีนี้ยังเหมือนเดิมหรือไม่?
A: คงไว้ก่อน อาจจะต้องดูหลายๆ เรื่อง ขอพิจารณาอีกทีหลัง แต่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ขอประเมินครึ่งปีแรกก่อน แล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
โดยสรุป BEM ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ และการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมและเศรษฐกิจ
หัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบในคลิป- ความกังวลของบริษัทใน 1-3 ปีข้างหน้าและแผนรับมือ
- สิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการดำเนินธุรกิจ
- ตัวเลข ROIC เทียบกับ WACC
- แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568
- เป้ารายได้ปีนี้, งบลงทุนและโครงการลงทุน
- การปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าและทางด่วน
- เป้าหมายรายได้โต 4-5% ในปีนี้