บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
OR โชว์ผลงาน Q1/2568 กำไรโต 17% พร้อมลุยขยายธุรกิจ Lifestyle และ Global อย่างต่อเนื่อง
P/E 13.06 YIELD 3.01 ราคา 13.30 (0.00%)
OR โชว์ผลงาน Q1/2568 กำไรโต 17% พร้อมลุยขยายธุรกิจ Lifestyle และ Global อย่างต่อเนื่อง
สวัสดีค่ะ ท่านนักลงทุนและท่านผู้ฟังทุกท่าน เข้าสู่ Opportunity Day ใน session ของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด มหาชน หรือ OR ในรอบผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2568
- **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**
OR รายงานรายได้รวม 182,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาส 1 ปีที่แล้ว (YoY) หรือประมาณ 4,400 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากกลุ่มธุรกิจ Mobility และ Global ที่มียอดจำหน่ายน้ำมันเพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะมีแนวโน้มลดลง EBITDA ของ OR อยู่ที่ 6,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY หรือประมาณ 300 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มธุรกิจ Global และ Lifestyle ที่มีผลการดำเนินงานดีขึ้น ในขณะที่ Mobility มี GP per liter ที่อ่อนตัวลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (YoY) กำไรสุทธิของ OR ในไตรมาส 1 อยู่ที่ 4,380 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 18% YoY หรือประมาณ 600 ล้านบาท หลักๆ มาจาก EBITDA ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงภาพรวมของส่วนแบ่งกำไรเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ลดลง หากพิจารณาจากรายได้รายกลุ่มธุรกิจ พบว่ารายได้หลักยังคงมาจากกลุ่มธุรกิจ Mobility ประมาณ 89% Lifestyle ประมาณ 3% และ Global ประมาณ 8% แต่เมื่อดูในมุมของ EBITDA พบว่า Mobility อยู่ที่ประมาณ 65% Lifestyle ประมาณ 28% และ Global ประมาณ 9%
- **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**
OR มองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, และเวียดนาม) และกำลังขยายธุรกิจ Lifestyle อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ OR ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
- **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**
OR กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก และการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน นอกจากนี้ OR ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและนโยบายของรัฐบาลที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน
- **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**
OR มีแผนการรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ โดยการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ และการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม นอกจากนี้ OR ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและคู่ค้า
- **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**
OR คาดการณ์ว่าธุรกิจจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศและภูมิภาค การเติบโตของธุรกิจ Lifestyle และการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม OR ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและธุรกิจ Lifestyle ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session):**
-
แนวโน้มธุรกิจ Mobility และ Lifestyle ในไตรมาส 2 เป็นอย่างไร?
ในไตรมาสที่ 2 ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ประกอบกับปัจจัยด้านฤดูกาล (seasonal) ที่หน้าฝนเริ่มเข้ามาแล้ว ทำให้ volume อาจอ่อนตัวลงเล็กน้อย Margin อาจมี stock loss เล็กน้อย แต่อัตรา Margin ยังอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ ธุรกิจ Lifestyle ในช่วงเดือนเมษายนที่เป็นช่วง peak และอากาศร้อน จะส่งผลให้ยอดขายเครื่องดื่มใน Amazon ดีขึ้น คาดว่าจะสามารถ maintain ยอดขายได้ขั้นต่ำ 100 ล้านแก้ว และมี Margin ที่แข็งแกร่ง
-
ประเมินราคาพลังงานในไตรมาส 2 และช่วงที่เหลือของปีเป็นอย่างไร?
ราคาพลังงานยังมีความผันผวนค่อนข้างเยอะ โดยคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 50-70 เหรียญ แต่จะเฝ้า monitor อย่างใกล้ชิด หากมีสถานการณ์ที่ทำให้ราคาปรับขึ้น-ลง รวมถึงดูแลเรื่อง inventory เพื่อหลีกเลี่ยง stock loss
-
ตอนนี้มี Deal M&A ที่เจรจาอยู่หรือไม่ ธุรกิจอะไร คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไหน?
ช่วงนี้ยังมีการเจรจาอยู่ ทั้ง Lifestyle และ Mobility ที่จะมาเร็วๆ นี้ น่าจะเป็นในส่วนของ Lifestyle เพื่อเติมเต็ม Ecosystem คาดว่ากลางปี หรือช่วง Q3 ต้น Q3 จะได้เห็น product ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเพิ่มใน Lifestyle
-
มีโอกาสที่ Margin ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นไหม จากกองทุนน้ำมันใกล้จะเป็นบวกแล้ว?
ในมุมของกองทุนน้ำมัน ถ้า Impact กับ OR จะเป็นในมุมของ Cash Flow มากกว่า ถ้ากองทุนต้องส่งเงินคืนมาที่ผู้ประกอบการ จะเป็นเรื่องของการส่งเงินคืนที่เร็วหรือล่าช้า แต่ในส่วนของผล performance กองทุนและภาษีสรรพสามิตเป็นตัวที่ต้องส่งผ่านไปในราคา ตั้งแต่ต้นทาง ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น แล้วก็มาถึงผู้ประกอบการน้ำมัน ผู้ค้าน้ำมัน และส่งต่อไปที่ customer อยู่แล้ว ซึ่งอยู่ใน pricing structure ของราคาน้ำมัน
-
Market Share ของธุรกิจน้ำมันสิ้นปีนี้ ตั้งเป้าจะเป็นเท่าไหร่ และมีแผนจะทำ Promotion เพิ่มเติมต่อเนื่องไหม?
Market Share อาจจะทรงๆ อยู่ระดับนี้ หรือ regain กลับมาได้เพิ่มอีก 1-2% ส่วน Promotion เราได้มีการทำ Promotion ต่อเนื่อง เดือนสองเดือนที่ผ่านมา promotion ที่ได้เห็นผล ที่ volume และมีผลที่กลับมา เช่น การให้ลดราคาน้ำมัน per liter โดยเฉพาะเรื่องเบนซิน ในขณะเดียวกันก็ให้ลูกค้าที่สมัครเป็น Member คือใครยังไม่เป็นก็สมัครวันนั้นเลย ก็จะได้ส่วนลด ซึ่งอันนี้ทำให้เบนซิน volume เรากลับมานิดหน่อย ประมาณ 3% และ loyalty program ก็มี Member เพิ่มขึ้น สะสมแล้วประมาณ 300,000 รายเพิ่มขึ้นในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็น sign ที่ดี
-
จากที่ ปตท. มีแผนหาพันธมิตรให้กับบริษัทลูกๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ในส่วนของ OR มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง?
ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงวิเคราะห์ดู ว่า partner ที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งเราได้ในด้านไหนบ้าง ในแง่ long term มีผลรึเปล่า ยังอยู่ในช่วง analyze อยู่ ยังไม่ได้มีความคืบหน้าในการจับมือกันในเร็วๆ นี้ แต่ถ้าเกิดจะมีความคืบหน้า หรือว่าใกล้จะต้องมีการจับมือกัน จะเรียนให้ทราบต่อไป
-
ดูเหมือนว่าระบบสมาชิกของบริษัทคู่แข่ง จะสามารถดึงลูกค้าน้ำมันไปได้อย่างต่อเนื่อง อันนี้คือเรามีแผนที่จะรับมืออย่างไร?
เราได้เพิ่ม loyalty program ดังที่เรียน คือ นอกจากจะลดราคาให้แล้ว ในขณะเดียวกันเราก็ต้องดึงดูด customer ทั้งใหม่และเก่า โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นลูกค้าเราอยู่แล้ว แต่บางทีก็ยังไม่ได้เป็นสมาชิก Blue Plus ของเรา หรือ Explore ก็ทำไปพร้อมๆ กัน ซึ่งข้อได้เปรียบของเรา คือ loyalty program ของเรา ลูกค้าสามารถได้ discount น้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นเบนซิน หรือ premium ที่ลด 3 บาท ทันที โดยเพียงแค่สมัครเป็นสมาชิก Blue Plus โดยที่ไม่มีการ pre paid ล่วงหน้า อันนี้ก็จะเป็นข้อดี เราก็ได้รับ Feedback ในเชิงบวกจาก customer อย่างมาก
-
บริษัทประเมินการเปิดสาขาของ Café Amazon ว่าตอนนี้ peak หรือยังคะ? สังเกตจากการเปิดสาขาที่เริ่มนิ่งในปีที่ผ่านมาค่ะ แล้วก็มีการมองการเติบโตในทิศทางใดคะ ในอีก 5 ปีข้างหน้า?
ในมุมของ Cafe Amazon ต้องถือว่าเราเติบโตอย่าง growth อย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จำนวนร้านค้า เราเนื่องจากในมุมของ OR จะเป็น percentage ที่เราดำเนินการเองแค่ 20% ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน หรือ Cafe Amazon ก็เช่นกัน คือ มันจะเป็นร้านที่ OR เราดำเนินการเอง 20% ส่วนที่เหลืออีก 80% หรือประมาณ 3,600 ล้าน เป็นร้านของ dealer หรือว่า แฟรนไชส์ ดังนั้น ทุก move ที่เราจะเปิดร้านใหม่ เราคำนึงถึง potential ของร้านใหม่ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น location หรือว่าจำนวนแก้วที่จะขายได้ รวมทั้ง product อื่นๆ ด้วย ทั้งหมดที่จะรวมเป็น ticket size ของร้านใหม่ๆ ซึ่งเราได้มีการพิจารณา Impact ที่จะ Impact ของร้านเดิมๆ ที่มีอยู่ใกล้เคียงด้วย ดังนั้นจะเห็นว่า อย่างที่ท่านถาม คือ ช่วงหลังๆ เนี่ยเรามีการ analyze พวกนี้อย่างเป็น systematic มีการเอา AI เข้ามาช่วย ดังนั้นเราจะเปิดร้านเนี่ย ก็เฉพาะร้านที่ เปิดแล้วเนี่ย dealer ก็สามารถอยู่ได้ อย่างดี ทั้งเจ้าที่เปิดใหม่ แล้วก็เจ้าเก่าเองในบริเวณนั้น ก็ต้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด หรือไม่ได้รับผลกระทบเลย แต่ว่า อย่างไรก็ตาม ก็ต้องบอกว่า Cafe Amazon เนี่ย ก็ยังคงเติบโต ทั้งในมุมของ ปริมาณ แก้ว แล้วก็ ticket size ของในมุมของ product อื่นๆ ด้วย รวมถึง EBITDA Margin ของ Lifestyle เอง ซึ่งมี Cafe Amazon เป็นหลัก เราก็ มีเปอร์เซ็นต์ EBITDA Margin ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
-
เห็นว่าบริษัทมีการร่วมทุนเปิดสาขา Cafe Amazon กับ Central ด้วยสาเหตุใดคะ? แล้วก็บริษัทมีแผนจะร่วมทุนกับ Central ในบริษัทอื่นๆ เพิ่มเติมอีกหรือไม่คะ?
สำหรับในต่างประเทศ ในบ้านใกล้เรือนเคียง เราเอง Culture ในการบริโภค ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ หรือว่าของว่าง หรืออาหารเนี่ย มันจะแตกต่างจากประเทศไทย ดังนั้น การร่วมมือ ที่มีร่วมมือไป เราก็กำลัง Blend Culture อยู่ เช่นประเทศใกล้เคียงเรา ไม่ว่าจะกัมพูชา อันนี้ค่อนข้างเติบโต ไม่ได้มีประเด็นอะไร แต่ว่าถ้าประเทศที่มันไกลๆ ออกไปนิดนึง เช่นเวียดนาม อันนี้เนเจอร์ของการ Culture ของการ รับประทานของว่างหรือกาแฟ เนี่ยก็จะแตกต่างไปจากประเทศไทย เราหน่อย อันนี้เราก็อยู่ในขั้นที่ หารูปแบบที่มันจะ Match ทั้งเราที่เป็น แบรนด์ไปจากต่างประเทศ แล้วก็ Culture กับของ local อยู่ด้วย ซึ่งในต่างประเทศ ตอนนี้ก็ประเทศที่เราไปลงก็ยัง ยังคงเน้นประเทศเดิมที่ ที่ไปลงอยู่ ก็ เน้นการเติบโตสร้างการเติบโตในประเทศที่ดูมีสำหรับประเทศใหม่ๆ ตอนนี้ก็ ยัง ยัง อยู่ในขั้นตอนที่ดูยังไม่ได้มี เพิ่มขึ้น อย่าง หลายประเทศ
-
เตรียมงบลงทุนปีนี้เท่าไหร่ ก็ใช้ทำอะไรบ้างคะ?
งบลงทุน โดยรวมแล้วประมาณ 18,000 ล้านบาท
-
งบลงทุน 18,000 ล้านบาท ใช้ทำอะไรบ้าง?
เราเตรียมเงินลงทุนไว้ 18,000 ล้านบาท โดยหลักก็คือเป็น Mobility สักประมาณ 40.5% ก็จะเป็นงาน BAU เช่น การขยายสาขา EV หรือ PT Station รวมทั้งอาจจะมีโปรเจคในเรื่องของ Alternative Field ต่างๆ ในส่วนของ Lifestyle ลงทุนประมาณ 38.5% ก็โดยหลักก็จะเป็นในเรื่องของการขยายร้านค้า Amazon แล้วก็อาจจะมี M&A JV ที่จะกำลังจะเข้ามา ส่วนใน Global ประมาณ 14.7% ก็จะเป็นการสร้าง ความแข็งแกร่ง infrastructure ไม่ว่าจะเป็น ถัง หรือ Terminal ต่างๆ รวมทั้งการขยาย Cafe Amazon แล้วก็ PT Station ในต่างประเทศ แล้วก็อีก 6.3% เป็นในเรื่องของ innovation ก็เป็นในเรื่องของการพัฒนาพวก Digital แพลตฟอร์ม
-
ตั้งเป้าจะขยายสถานีบริการน้ำมันปีนี้กี่แห่ง แล้วก็ EV Charger กี่แห่งคะ?
สถานีบริการในประเทศตั้งเป้าอยู่ที่ 100 แห่ง ในประเทศไทย ส่วนตัว EV เนี่ย เราคิดว่าเราจะขยายอีกประมาณเพิ่มปีนี้ประมาณอีก 250 Location หรือว่าถ้าเป็น DC เนี่ย ก็ประมาณ 600 DC
-
M&A Lifestyle เนี่ย จะเป็นธุรกิจอะไร ที่ใกล้สรุป สามารถบอกได้ไหม?
ขออนุญาตตอบรวมเป็น QSR ก็คือ เป็น Quick Service ค่ะ ก็เนื่องจาก ตอนนี้ deal ก็ใกล้จะดันแล้ว แต่ว่า ก็ยังเป็น เป็นความลับ เป็นปกติของการทำ M&A นะคะ ก็อยู่ในระหว่าง เจรจา term and condition อยู่ ก็ยังขออนุญาต บอกกว้างๆ เป็น quick meal
[เริ่ม Q&A นาทีที่ 37.35]
โดยสรุป OR ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาส 1 ปี 2568 แม้ว่าจะมีความท้าทายจากปัจจัยภายนอกต่างๆ โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจ Lifestyle และ Global อย่างต่อเนื่อง รวมถึงลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและสร้างการเติบโตในระยะยาว