https://aio.panphol.com/assets/images/community/6310_dcb8a9.png

SJWD เติบโตอย่างก้าวกระโดดใน Q1/2568 พร้อมเดินหน้าสู่ Market Cap แสนล้านบาท

P/E 11.72 YIELD 3.96 ราคา 7.20 (0.00%)

SJWD เติบโตอย่างก้าวกระโดดใน Q1/2568 พร้อมเดินหน้าสู่ Market Cap แสนล้านบาท

สวัสดีครับพี่ๆ นักลงทุนทุกท่าน วันนี้กลับมาอีกครั้งกับ Company Performance 1Q 2568 สำหรับบริษัท SCGJWD Logistic จํากัด (มหาชน) ผมชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา Co-CEO พร้อมด้วยคุณบรรณ เกษมทรัพย์ Co-CEO และ ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน CFO ของบริษัท จะมาร่วมให้ข้อมูล

เหมือนเช่นเคย เราจะให้ทาง ดร.เอกพงษ์ ให้ข้อมูลประมาณ 20 นาที และอีก 25 นาที เป็นช่วงถามตอบ ซึ่งรบกวนพี่ๆ ทุกท่านหากมีคำถามอะไรก็ส่งเข้ามาในแชทของการถ่ายทอดสดนะครับ เดี๋ยวเราจะทยอยตอบคำถามให้

ขอบคุณคุณพี สวัสดีพี่บรรณด้วยนะครับ สวัสดีพี่ๆ ทุกท่านที่เข้ามารับชม Opportunity Day ของบริษัทในรอบไตรมาสที่ 1 ประจําปี 2568 ในวันนี้ ขอใช้เวลาสั้นๆ ในช่วงแรกก่อนที่จะเข้าสู่ช่วง Q&A หลังจากที่เรามีการประกาศผลประกอบการกันไปในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากพี่ๆ ทุกท่าน เนื่องจากว่าเราก็สามารถที่จะ perform ได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าตามเป้าหมายหรืออาจจะเกินความคาดหมายของทาง analyst หลายๆ ท่าน และทางบริษัทเองก็มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าในปีนี้จะเป็นปีที่ดีของบริษัท ก็เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และมีแผนยังไงบ้างในปีนี้ที่จะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นสําหรับบริษัทของเรานะครับ

ภาพรวมบริษัท

  • โครงสร้างการถือหุ้นยังคงเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
  • มี footprint ในการทํางาน cover ทั้งหมด 9 ประเทศในอาเซียน + จีนตอนใต้
  • พื้นที่ให้บริการกว่า 2.3 ล้าน ตร.ม.
  • fleet ที่วิ่งใน fleet ของ SCGJWD มากกว่า 14,000 คัน
  • เรือลากจูง/Barage มากกว่า 240 ลำ
  • ฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศกว่า 2,400 ราย

ถือว่าเป็น Logistics ที่มีการให้บริการที่ครบวงจรและมี Geographic coverage ที่ค่อนข้างจะครอบคลุมทั่วทั้งอาเซียนในปัจจุบัน

โครงสร้างธุรกิจ

รายได้ส่วนใหญ่มาจาก Logistics & Supply Chain และมีธุรกิจสนับสนุนอื่นๆ ตามที่แสดงบนหน้าจอ ขออนุญาตไม่ได้ลงรายละเอียดเนื่องจากเวลาค่อนข้างจํากัด

ไฮไลท์ Q1/2568

  • รายได้ 6,440 ล้านบาท (ใกล้เคียงไตรมาสที่ผ่านมาและ YoY)
  • กําไรสุทธิ 365.5 ล้านบาท (เติบโตมากกว่า 2 เท่า)

เติบโตขึ้นมาจาก Q4 และ Q1 ของปีที่แล้วสูงมาก โดยเฉพาะ YoY สูงกว่า 2 เท่า รายได้ส่วนใหญ่มาจาก Logistics & Supply Chain (91%) และธุรกิจอื่นๆ (9%)

Revenue Profile

หากสนใจ สามารถดาวน์โหลดเอกสารที่เป็นตัว MD&A และงบการเงินของบริษัทผ่านทางตลาดหลักทรัพย์หรือเว็บไซต์ IR ของบริษัทและสื่อต่างๆ ได้ เพื่อเอาไปวิเคราะห์เพิ่มเติมในรายละเอียด

ธุรกิจที่โดดเด่นและเติบโตในเชิงรายได้และผลกําไรได้เป็นอย่างดีใน Q1/2568 มี 3 กลุ่มคือ

  1. ธุรกิจกลุ่มยานยนต์: เติบโตเทียบกับปีก่อน มีความคึกคักในตลาดอุตสาหกรรมรถยนต์มากขึ้น ยอดจองรถใน Motor Show ค่อนข้างมาก ส่งผลให้มีงานด้าน Logistics เกี่ยวกับรถยนต์เพิ่มขึ้น
  2. การขนส่งระหว่างประเทศ (Multimodal Transportation): มีการเติบโตในเชิงของรายได้ค่อนข้างเยอะ ทั้ง YoY และ QoQ (+28% และ +24% ตามลำดับ)
  3. Self-Storage: ธุรกิจน้องใหม่ที่มีโอกาสและน่าสนใจมาก เติบโตขึ้นมาถึง 64% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

Overview อุตสาหกรรมต่างๆ

  1. สินค้า Commodity (ซีเมนต์, ถ่านหิน, Chemicals, Packaging, Building Materials): ทรงตัวใน Q1/2568 แต่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
  2. Automotive: คึกคักขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว มีโอกาสทํางานให้ลูกค้าหลากหลายแบรนด์มากขึ้น Outlook ในปีนี้ค่อนข้างดีกว่าปีก่อน
  3. Cold Chain: ขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่ม 4 หลังในปีนี้ Capacity เพิ่มขึ้น อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy rate) ลดลงเล็กน้อยช่วงแรก แต่มีการ fill-in สินค้าเข้าไปค่อนข้างดี สินค้าประเภทปลา, อาหารทะเล, ไก่ ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะที่มหาชัย

Business Direction

ยังคงเป้าเดิมคือเติบโตบริษัทและมุ่งหน้าสู่ Market Cap แสนล้านบาทในอนาคต มุ่งมั่นที่จะเติบโตและขอให้มั่นใจในเรื่องของการทํางานและการสร้างผลกําไรของบริษัท

กลยุทธ์ 5 ตัวยังคงมุ่งหน้าไปตามที่ตั้งใจไว้

Impact จากนโยบาย Reciprocal Tariff ของสหรัฐอเมริกา

มีผลกระทบโดยทางตรงน้อยมาก เพราะรายได้จากงาน Logistics ตรงไปยังอเมริกาไม่ถึง 1% ของรายได้ทั้งหมด แต่อาจมีผลกระทบทางอ้อมจากลูกค้าบางราย แต่เชื่อว่าด้วย diversification ที่บริษัทมี ไม่ว่าจะเป็น Geographic coverage ที่หลากหลาย Service profile ที่หลากหลาย ลูกค้าที่ cover ในหลากหลาย Industry จะทําให้สามารถจัดการกับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี และน่าจะสามารถช่วยสร้าง Logistics plan ใหม่ๆ สําหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ และได้รับโอกาสในการทํางาน cross-border หรือการขยายตัวไปต่างประเทศมากขึ้น

มองว่ามีโอกาสที่จะเก็บงานในวิกฤติกลับเข้ามามากขึ้น ทุกครั้งที่มีวิกฤติเกิดขึ้นในสถานการณ์เศรษฐกิจ บริษัทก็มักจะมีโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้นมา เพราะมี diversification ในการทํางานที่หลากหลายมากกว่าผู้เล่นอื่นๆ ในตลาดปัจจุบัน

เน้นการเค้นเอาผลกําไรและ efficiency ออกจากสิ่งที่ได้ลงทุนไปแล้วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา (การควบรวมกิจการเป็น SCGJWD) มีการลงทุนไปมากกว่า 6,000 ล้านบาท พยายามที่จะกลับมาเค้นเอาผลกําไรและเม็ดเงินขึ้นมาจากสิ่งที่เคยลงทุนไป

ปีนี้จะเน้นเรื่องการเพิ่มรายได้ Organic Growth จัดการต้นทุน สร้าง Efficiency เพิ่มผลกําไร ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมทั้งลดดอกเบี้ย จะมีการจ่ายคืนหนี้และลดเพดานหนี้ลง เพื่อทําให้มี Bottom line ที่ healthy มากขึ้น และคืนผลประโยชน์ในแง่ของ Shareholder value กลับไปให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

Project Update

  1. เปิดคลังสินค้าใหม่ในกลุ่มห้องเย็นที่สระบุรี เฟส 2, รังสิต, เชียงใหม่, นวนคร เพิ่ม Capacity ทําให้ทํารายได้ในกลุ่มห้องเย็นเพิ่มเติมมากขึ้นในปีนี้
  2. งานของทาง Alpha ที่โครงการที่บางกระดี กําลังก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและใช้งานได้ช่วงประมาณเดือนกันยายน 2568 เป็นโครงการใหญ่ของทางบริษัทที่จะใช้พื้นที่ของ Alpha ในการทํางานให้กับลูกค้ารายใหญ่คือ B Grimm Carrier มีรายได้ตลอดทั้งโครงการประมาณ 1,850 ล้านบาท
  3. Alpha ยังคงมุ่งหน้าที่จะเติบโต และปีนี้คาดหวังว่าจะมีการขาย asset เข้าไปในกอง REIT และ take เงินออกมา เพื่อขยายโครงการต่อ รวมทั้งบริษัทเองในฐานะผู้ถือหุ้นก็จะได้รับกําไร/ส่วนแบ่งกําไรจากตรงนี้

การขยายตัวในเชิง Organic และ Synergy

  • การทํางานระหว่างทีม Healthcare และ Cold Chain กับทางองค์การเภสัชกรรม
  • การขยายตัวในต่างประเทศ (เวียดนาม): เซ็นสัญญาทำงานเพิ่มเติมกับลูกค้าใหม่และรายเดิม (Vina Kraft Paper, AJ Plast)
  • Link กับเมืองจีน (Ruyun): ขนส่ง Cross-border (Cold Chain) ระหว่างไทย, อาเซียน, จีน (เริ่มส่งทุเรียนในเดือนเมษายน)
  • Freight: เพิ่ม Value-Added Service ใหม่ (Customs X Project - National Single Window ได้รับ License จาก กสทช.) ลูกค้าเริ่มเข้ามาใช้บริการ (Nitori, Thai Take, SCG Plaster)
  • ESG-Related: งาน RDF (ทําและขนส่ง RDF เม็ด/เศษขยะไปผลิตพลังงาน ร่วมกับ Partner คือ SCG Eco ที่โรงงานซีเมนต์ที่ทุ่งสง)

ถึงแม้ว่าจะมี ความผันผวนต่างๆ เรายังคงมุ่งหน้าทํางาน และนอกจากการทํางานในเชิงกําไรแล้ว เราก็ยังทํางานในเรื่องของ ESG และการเสริมสร้างคุณภาพในการทํางานให้ดีขึ้น ซึ่งในระหว่างปีที่ผ่านมา 3 เดือน ก็มีการได้รับรางวัลต่างๆ เข้ามาหลากหลาย

มีโครงการ Treasury Stock ซึ่งได้ประกาศไปในเดือนเมษายนและเริ่ม execute กันตามลําดับตามความเหมาะสม

ESG

ยังคงมุ่งหน้าสู่ Net Zero และในปี 2568 (3 เดือนที่ผ่านมา) สามารถลดคาร์บอนไปได้ 4,056 ตัน (+YoY)

คงมุ่งหน้าในการทํางานและขยายตัวด้าน Green Logistics ซึ่งเป็นงานที่ไม่ใช่ทําเพื่อเฉพาะกล่องเดียว แต่จะเป็นงานใหม่/Service ใหม่ ซึ่งสร้างรายได้และกําไรให้กับกลุ่มบริษัท

Financial Highlight (Q1/2568)

  • รายได้ 6,440 ล้านบาท
  • Core profit 365.5 ล้านบาท (+122.7% YoY)

โมเมนตัมนี้จะยังคงเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่เหลือของปีนี้ต่อไป จากสิ่งที่มองเห็นและแพลนที่ลูกค้าให้มา

ธุรกิจที่น่าสนใจ

  1. General Warehouse: Occupancy Rate สูงต่อเนื่อง (90%+) รายได้ดีขึ้น (+YoY) GP สูงตามมาตรฐาน
  2. Automotive Logistics: GP ดีขึ้น (+YoY) รายได้เติบโต (+YoY) คึกคักมากขึ้น
  3. Cold Chain: รายได้ทรงตัวใน Q1 (สินค้าเข้าออก) แต่ GP ดีขึ้น Q2 สินค้าเริ่มกลับเข้ามามาก (โดยเฉพาะที่มหาชัย) คาดว่าจะมีรายได้ที่เติบโตได้ดี + พื้นที่ใหม่ 4 หลัง
  4. Transportation (B2B): รายได้ทรงตัว แต่ GP ดีขึ้น
  5. Transportation (B2C): GP และรายได้ดีขึ้น
  6. Cross-Border & Multimodal Transportation: รายได้และ GP ดีขึ้นทั้งหมด (สัญญาณที่ดีมาก) ไม่ได้ limit เฉพาะในไทย แต่ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
  7. Self-Storage: เติบโตได้ดี (+60% YoY) GP ดีขึ้นตามลําดับ
  8. Freight: รายได้ใน Q1 ทรงตัว (Sea Freight ชะลอตัว แต่ Air Freight ยังมี) Q2 จะเห็น Sea Freight เพิ่มเติม

Overseas: Q1 รายได้ 1,004.2 ล้านบาท GP ดีขึ้นจาก 11% เป็น 12.4%

Equity Income: Q1 รับรู้ส่วนแบ่งกําไร 170.4 ล้านบาท (Q4/2567: 74 ล้านบาท, Q1/2567: 41 ล้านบาท) เติบโตอย่างก้าวกระโดด คาดว่า Equity Income ในปีนี้จะอยู่ใน range ที่สูงต่อเนื่องไปได้ทุกไตรมาส

ค่าใช้จ่าย: พยายามควบคุมค่าใช้จ่าย S,G&A ใน Q1 ลดลงจากไตรมาสที่แล้วกว่า 80 ล้านบาท ดอกเบี้ยลดลงจากไตรมาสที่แล้วประมาณ 12 ล้านบาท มีแผนจ่ายคืนหนี้เพิ่มเติม และเจรจากับแบงก์เพื่อปรับลดดอกเบี้ย คาดว่าในปีนี้ทั้ง S,G&A และ Finance Cost จะลดลงอย่างมีนัยสําคัญ

กําไร Q1: 365.5 ล้านบาท (Q4/2567: 185.4 ล้านบาท, Q1/2567: 164.1 ล้านบาท)

Core operating performance เติบโตขึ้นมาจากปีที่แล้วค่อนข้างเยอะ (Q1/2568: 195.1 ล้านบาท, Q1/2567: 111.2 ล้านบาท) เติบโตในทุกมิติ (การทํางานด้วยตัวเอง, ร่วมกับ Partner, อุตสาหกรรมต่างๆ) ส่งผลให้มี Financial position และ Key financial ratio ที่ดี โดยเฉพาะ D/E Ratio และ Net debt to EBITDA ใน Q1 ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สิ้น Q1 มีเงินสดสะสม 1,300 ล้านบาท (ปัจจุบันกําลังจะจ่ายเงินปันผลประมาณ 500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเก็บไว้ใช้จ่าย (CapEx, Treasury stock, ลงทุนในอนาคต) คาดว่าสามารถ generate cash ได้ในระดับที่สูง ไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว ปีนี้ถ้าไม่มีการลงทุนหนัก น่าจะสามารถ manage เงินและจ่ายชําระหนี้ รวมทั้งสร้าง Shareholder value ได้อย่างเต็มที่

โดยสรุป SCGJWD มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 โดยมีกําไรสุทธิเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 122.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน การจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว

ช่วงถาม-ตอบ เริ่มต้น นาทีที่ 33:36

  1. **กัมพูชา**
    • **คำถาม:** มองว่าเราไม่ได้มี Core business ใน Q1 แต่จริงๆ ตรงนี้อาจจะน่าจะฟังแล้วเข้าใจข้อมูลผิด?
    • **คำตอบ:** ที่เรามีการขายการลงทุนเนี่ยเป็นธุรกิจที่ไต้หวัน ที่เราขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในกัมพูชาเนี่ยมันเป็นการขาย เอ่อไม่ใช่เป็น core business แต่จริงๆ แล้วในกัมพูชาเนี่ยเราเองเนี่ยเรามี core business ค่อนข้างใหญ่ แล้วก็ operation เนี่ยถ้า activity รวมๆ กันเนี่ยเท่ากันกับที่ที่ประเทศไทยเลยด้วยซ้ํา ก็มีทั้งงานที่เป็นของในเครือของ SCG เองแล้วก็งานของ JWD เอเชีย Cambodia ซึ่งมีทั้งงานขนส่งงานคลังสินค้างานห้องเย็นรวมถึงเราถือหุ้นอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม Royal Group PPSEZ ซึ่งเราทําหน้าที่เป็นนิคมอุตสาหกรรมในกัมพูชาซึ่งมีพื้นที่เขตปลอดอากรด้วย ใน Q ที่ผ่านมาเนี่ยเราทําการขายที่ดินเข้าไปแล้วก็รับรู้เป็น equity income เข้ามา ในบริษัทประมาณสัก 30-40 ล้านบาท
  2. **นโยบายการจ่ายปันผลระหว่างกาล**
    • **คำถาม:** อยากจะขอให้เราพิจารณาจ่ายปันผลระหว่างกาลบ้าง เพราะผู้ถือหุ้นจะรอใช้เงินสิ้นปีทีเดียว?
    • **คำตอบ:** เรื่องนี้จริงๆ ผมกับทางพี่บรรณเองทาง ดร.เอกก็คงจะมานั่งพูดคุยกัน ปีนี้ Q1 ก็มีกําไรค่อนข้างดี แต่ก็เรามีการใช้ return ending ของเราที่เหลือในการที่จะซื้อหุ้นคืนด้วย เพราะฉะนั้นก็ต้องดูว่าเราจะมีความสามารถจ่ายในแง่ของตัวปันผลระหว่างกาลหรือเปล่าในปีนี้นะครับ จริงๆ ในอดีตที่ผ่านมาเราเคยทําอยู่ประมาณสัก 2 ครั้ง ดร.เอก
    • **คำตอบ ดร.เอก:** ปันผลก็ต้องดูการใช้เงินของเราอ่ะนะครับ ถ้าเกิดมีทางใช้เงินอะไรที่ดีกว่าให้กับผู้ถือหุ้นได้ เราก็อาจจะใช้เงินทั้งนั้นไป แต่ถ้าคิดว่าผู้ถือหุ้นได้ ได้รับปันผลเนี่ย เอ่อคุ้มกว่าก็จะจ่ายนะครับ ก็ดูการทําเรื่องเรื่อง cash flow ด้วย
  3. **การใช้รถขนส่ง EV**
    • **คำถาม:** เรื่องการใช้รถขนส่ง EV?
    • **คำตอบ:** จริงๆ แจ้งพี่ๆ ทุกท่านไปแล้วว่าเรามี fleet EV อยู่ประมาณสัก 10 คันที่เราซื้อมาประมาณสัก 3 ปีที่แล้วจาก Next นะฮะ แล้วก็พิสูจน์มาแล้วว่าการใช้รถ EV เนี่ยตอนเนี้ยการขนส่งระยะทางไกลที่เป็น multi Drop เนี่ยยังไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ แต่เราใช้ใน งาน ทอย ตู้ ในท่าเรือที่เป็น point to point นะครับก็ได้รับผลประโยชน์ค่อนข้างเยอะแล้วก็มี Saving ค่อนข้างที่จะเยอะพอสมควร ก็ ณ วันนี้ก็มีลูกค้าที่อยู่ในเครือไม่ว่าจะเป็น SCG Packaging หรือลูกค้าในเครืออื่นๆ เนี่ยก็มีความสนใจที่อยากจะให้เราลงทุนในเรื่องของตัวรถ EV แล้วก็รถขนส่งที่เป็นรถไฟฟ้า แต่นอกจากนั้นเองเนี่ยจริงๆ แล้วเรามีการเทส รถไม่ว่าจะเป็นรถไฮโดรเจนกับทาง โตโยต้า นะครับแล้วก็ยังมีการเทส รถที่เป็นระบบ LNG ตรงนี้เองก็คงจะเราคงจะมุ่งมั่นในการที่จะทำในแง่ของตัวพวก Green Logistic เรื่อยๆ ต่อไปอย่างที่ทางพี่บรรณเคยให้ข้อมูลไว้ ตลอด

แนวโน้มธุรกิจใน Q2/2568

  • ในบางปีจะเป็นปีที่เราค่อนข้างที่จะ drop ลงนิดหน่อย แต่ปีนี้น่าจะสามารถ maintain รายได้และผลกําไรได้ อาจมี drop บ้างนิดหน่อยเพราะเป็น seasonal ในแง่ของตัวสงกรานต์ (ไทย) และ Tet (เวียดนาม)
  • คาดหวังว่าโมเมนตัมในแง่ของตัว Reciprocal Tariff ของ Trump จะทําให้ volume ในการขนส่งใน Q2 ปรับตัวเพิ่มขึ้น
  • อาทิตย์นี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นของค่าเฟสระหว่างสาย Trans Pacific ในส่วนของเมืองจีนไปสรัฐอเมริกาค่อนข้างสูง (เกือบ 20%)

Q2 SCGJWD น่าจะได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอนและความผันผวนในส่วนของตัวนโยบายเรื่องภาษี

ธุรกิจในแต่ละส่วน

  • ธุรกิจห้องเย็น Occupancy rate ณ ปัจจุบันประมาณ 72% ที่มหาชัย ยอด Tuna ปรับตัวเพิ่มขึ้น ยอดฝากตอนนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น Q on Q ประมาณสักจาก 70,000 กว่าตันเป็น 80,000 เกือบ 90,000 ตัน
  • ธุรกิจยานยนต์ มีการเติบโตอยู่ในระดับที่ดี สัดส่วนรายได้ในส่วนของตัวรถ EV ปรับตัวเพิ่มขึ้น
  • Oversea: มีการเติบโตตามแผน Q on Q รายได้น่าจะประมาณสัก 20 กว่า%

ธุรกิจในเครือของ SCG

ลูกค้าทุกรายมีการขอให้เราลดราคา/เพิ่ม Efficiency ต้องมานั่งคุยกันว่า ถ้าจะลดราคาได้และวินๆ ไปด้วยกัน ก็ต้องได้มาซึ่ง volume ปีนี้ชัดเจนว่าทางกลุ่มของ SCG เทียบจากปี 2566 ไปปี 2567 มี Transportation share เพิ่มขึ้นประมาณ 2.5-3% ปลายปี 2566 จับตัวเลขได้ 57.7% ปลายปี 2567 จับตัวเลขใหม่ที่เป็น value ได้ 60.2% (+2.5%) ตรงนี้จะเอาไปช่วยได้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการที่เราขนส่งทําเรื่อง efficiency ทําเรื่อง Hall back Hall ทําอย่างไรไม่ให้ขนของวิ่งรถเปล่า จะทําอย่างไรให้เอาเรื่อง Multimodal (รถอย่างเดียวไปเป็นเรือ/ราง) ทําให้ Multimodal เพิ่มขึ้น กลายเป็นเรื่องวินๆ ระหว่างลูกค้ากับตัวเราเองและรวมถึงตัวผู้ขนส่งด้วย

นอกจากบริหารจัดการเรื่อง Synergy กับ SCG เราก็บริหารเรื่องต้นทุนการดําเนินการทุกอย่าง ปีนี้อยู่ในโหมดรัดเข็มขัด

ถึงแม้ผลประกอบการออกมาค่อนข้างดีแต่เรายังรู้เลยนะว่าตอนนี้เนี่ยเป็นช่วงที่ที่เรียกว่าปหลาดไม่แน่นอนมีความไม่แน่นอนคือความแน่นอนของเรา

การขยายไปกับ Partner ทุกๆ Partner เดิมทีก็ให้บริการได้แค่ขนส่งอย่างเดียว วันนี้เรามีการบริการที่ครบวงจรถ้าเดิมก็ Cross-Sell Up-Sell ไปได้ วันนี้เนี่ย Synergy ที่เราพูดถึงตั้งแต่เราควบรวมกันมาเนี่ย Quarter สุดท้ายโดยเฉพาะ Quarter Q1 2568 มันส่งผลทุกอย่างเรียกว่ามาตามนัด

หลายๆ คนอาจจะมองเห็นว่า revenue เราอาจจะเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่ตัวตัว Bottom line เพิ่มขึ้นเยอะ ก็ได้มาจากสิ่งเหล่านี้นะครับ ไม่ว่าเป็นการลดต้นทุนเองเป็น การเพิ่ม efficiency เองเนื่องจากตลาดไม่ค่อยดี ก็อยากให้นักลงทุนเห็นว่าการที่เราไปลงทุนในในธุรกิจในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย หรือธุรกิจ Airfreight หรือตัวที่ไปในในเวียดนาม ทาน ซิมเบค เนี่ย พวกนี้ก็เป็น equity income ที่ก่อให้เกิด Synergy ร่วม กับเราได้เยอะ

Treasury Stock

คณะกรรมการอนุมัติเรื่อง Treasury stock ไป วงเงิน 300 ล้านบาท (หรือไม่เกิน 50 ล้านหุ้น) ตีมาเป็นตัวกลมๆ ก็ประมาณ 2% กว่าๆ เกือบๆ 3% ถ้าซื้อหุ้นกู้กลับมา ทางผู้ถือหุ้นก็จะถือว่ามีสัดส่วนที่ถือหุ้นเพิ่มขึ้น หุ้นนี้ก็จะเก็บไว้กับบริษัท

เริ่มซื้อได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา 2 วันเข้าไปซื้อได้ประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ของตลาด ตลาดตอบรับดีคึกคักมาก พยายามซื้อก็ซื้อได้แค่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่ราคาขึ้นไปเยอะ เราก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปซื้อในราคาที่สูงนะคับ ก็ฝีมือการซื้อก็ต้องซื้อให้มันมันได้ราคาด้วย

ขอฝากผู้ถือหุ้นด้วยว่าก็มีอีก Tools นึงในการที่ช่วยดูแลเรื่อง เรื่องราคาหุ้นของบริษัท

โดยรวมแล้ว SCGJWD ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต โดยได้รับแรงหนุนจากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ การขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

คำถามและคำตอบ

  1. **ต้นทุนทางการเงิน**
    • **คำถาม:** เห็นบอกว่าจะลดต้นทุนทางการเงิน แล้วมีความคาดหวังว่าปีนี้จะลดสักเท่าไหร่?
    • **คำตอบ:** อาจจะตอบ exactly ตอนนี้อาจจะยังตอบไม่ได้ ผมบอกเป็น figure ปริมาณที่ว่าจะทําให้ทุกท่านพอประมาณการได้แล้วกัน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กุมภาพันธ์มีการจ่ายคืนหนี้หุ้นกู้ 500 ล้านบาท โดยที่ไม่มีการ rollover ซึ่งชุดนี้ดอกเบี้ยอยู่ประมาณเกือบๆ 5% แล้วก็ในระหว่างปีนี้มีหนี้อยู่ประมาณสัก 2,000-2,500 ล้านที่กําลังทําการเจรจา กับแบงก์เพื่อลดดอกเบี้ยลง ทําเสร็จแล้วเป็น 1 ก้อน (มีทั้งหมด 4 ก้อน) เสร็จไปแล้วก้อนนึงซึ่ง ประสบผลสําเร็จในการลดดอกเบี้ยลงได้ประมาณสัก 1.20 บาท แล้วก็อีก 3 ก้อนก็คงอยู่ใน range ใกล้เคียงกัน ตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทําสําเร็จในช่วง Q2 ต่อเนื่อง Q3 หลังจากนั้นไปดอกเบี้ยส่วนนี้ก็จะลดลง
    • เราจะมีหุ้นกู้ที่ครบกําหนดชําระในช่วยปลายไตรมาสที่ 3 (กันยายน) 1,000 ล้านบาท ตัวนี้ intention ของบริษัทคือคงจะมีการจ่ายคืน แต่อาจจะจ่ายคืนบางส่วนหรือทั้งหมดอันนี้ทั้งหมดทั้ง บนเนี่ยขึ้นอยู่กับสภาวะความเหมาะสม ของสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงนั้นแล้วก็ ความจําเป็นในการลงทุน การสะสมกันต่างๆ ที่เราจะต้องเตรียมไว้ทําอย่างอื่นตรงนี้ยังตอบไม่ได้ว่า จะชําระคืนเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ 200 300 ล้านหรือมากกว่านั้น หรือว่าทั้งหมดอันนี้ก็ขออนุญาตละไว้ก่อนแล้วเดี๋ยวถึงเวลาเราจะอัปเดตกันเป็นระยะๆ แต่ว่าแผนของเราคือหนี้พวกเนี้ยเราจะทยอยคืนแล้วก็พยายามที่จะลดเพดานหนี้ลงให้น้อยที่สุด และในระหว่างปีก็จะมีหนี้ที่เป็นพวก project finance ต่างๆ เช่นการสร้างห้องเย็นอะไรพวกเนี้ยมันก็จะมีการทยอยคืนไปในระหว่างปีอยู่แล้วด้วย ก็เชื่อว่าถ้าเราไม่มีการสร้างหนี้เพิ่มในปีนี้น่าจะทําให้ดอกเบี้ย ลดลง ได้เยอะพอสมควร อันเนี้ยก็ต้องเรียน เป็น เป็นข้อมูลเบื้องต้นประมาณนี้ก่อนเพราะว่าถ้าถามเป็นตัวเลขแน่ๆ ว่าเท่าไหร่เนี่ย ณ เวลานี้อาจจะอาจจะยังเร็วเกินไปที่จะตอบได้
  2. **การลงทุนในด้านไอที**
    • **คำถาม:** ธุรกิจที่บริษัทลงทุนในด้านไอที มีโอกาสเติบโตมากน้อยแค่ไหน แล้วก็มีการใช้ AI ในการทํางานหรือเปล่า?
    • **คำตอบ:** ตั้งแต่เรื่องเรื่องไอทีเนี่ยนะครับตั้งแต่สมัยก่อนเนี่ยทาง SCG Logistic เป็นต้นมาเราก็อยากเรียนให้ทุกท่านทราบว่าเราลงแค่ 2 อย่างก็คือเรื่องคนกับเรื่อง system เพราะฉะนั้นเนี่ยการลงทุนของเรามีมาโดยต่อเนื่องส่วน เรื่องไอทีเนี่ยเดิมทีเคยอยากจะทําเป็นเป็น digital Logistic business แต่ในที่สุดเนี่ยก็ไม่ได้ทําแบบไปเปิดเป็น Software House นะครับ แต่ที่เอามาใช้คือใช้ภายใน วันนี้กระจายเข้าไปใน JWD ด้วยก็เป็น SCG แล้วก็พยายามวันนี้จะทําระบบเป็นระบบเดียวกัน ตัว Transportation Management ก็ทาง SCG เก่งก็จะเป็นระบบของ SCG WMS ทาง JWD เดิมเก่าก็จะเป็ระบบของ JWD ซึ่งจะเอา 2 ระบบนี้เข้ามาจอยกัน ส่วนตัวที่เป็นระบบ tracking รถยนต์เนี่ย 10,000 กว่าคันเนี่ยวันนี้ลูกค้าเรา ก็มาใช้ บริการนี้อยู่ นะครับ คนที่เป็น ครอบเหมา ก็ใช้บริการนี้อยู่ ตัวข้อ ที่ เป็นเรื่อง data เนี่ยวันนี้ก็กําลังมีมีไอเดียที่จะทําเรื่อง business เกี่ยวกับเรื่อง data ที่จากว่า data ของบริษัทเนี่ยมีการใช้ค่อนข้างมากปีนึงวิ่งหลายร้อยล้านกิโลเมตร ก็อาจจะมีแต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้ประกาศนะครับก็ก็คง คงต้องรอในอีกระดับหนึ่งส่วนเรื่อง AI วันนี้เรา ใช้ AI เกือบเกือบทุกๆ ทุกธุรกิจนะครับ ตัว Transportation ก็เอาเรื่อง AI มาใช้เรื่องเกี่ยวกับทั้ง ระบบ Tracking แล้วก็ระบบที่เรียกว่า optimization จะทําอย่างไรให้ลดต้นทุนเพิ่ม efficiency ประสิทธิภาพได้ดีที่สุดในขณะที่ระบบ Warehouse เนี่ยวันนี้เอา AI มาใช้ใน ในแง่ของ เอ่อ รถ AGV ที่วิ่งโดยไร้คนขับ ทํา lift ไร้คนขับ ในห้องเย็น ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพที่ ไม่ต้องให้ใช้คนอยู่ใน ห้องเย็นเป็นเวลานาน แล้วก็มีระบบ AIS พวกนี้ก็เป็นเรียกว่าระบบ AI วันนี้ยัง จะเอาเรื่องโดรนนะครับมาทําเกี่ยวกับเรื่อง เรื่อง check check Stock ด้วย อันนี้ก็เป็นคร่าวๆ กันแล้วกันนะครับ เรื่อง AI วันนี้ก็ก็ดู ดูหลายมุม
    • **คำตอบคุณพี:** จริงๆ AI เราเน้นเยอะ วันนี้มีการ Training ผู้บริหารเรื่อง AI ด้วย เรามีทํานี้ด้วยนะเรื่องทําเรื่อง เป็นพวก AI ที่ใช้ในการวางแผนว่าจะเติมสินค้าให้กับลูกค้าในคลังยังไงเพื่อที่จะเรียกว่าเป็น Just In Time นะครับเราๆเอามาใช้ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ตรงนี้เราให้ความสําคัญกับเรื่องนี้มากเลยทีนี้เวลาค่อนข้างใกล้หมดแล้ว ผมอยากจะพอดียังไม่มีคําถามเข้ามา ก็เลยอยากจะปิดทายนิดนึง อยากจะให้พี่บรรณกับคุณพีเล่าให้ฟังเรื่องของ Treasury stock นิดนึงครับที่เราเพิ่งประกาศไปเมื่อเดือนเมษายนแล้วก็เพิ่งเริ่ม Execute กัน
  3. **Treasury Stock**
    • **คำตอบ:** ก็อย่างงี้ครับก็ทางคณะกรรมการนะครับก็ได้อนุมัติ เรื่อง Treasury stock ไป เรามีวงเงินให้ไว้ที่ความจริงอนุมัติไปตั้งแต่เดือน ปลายเดือนเมษายนนะครับแต่ในช่วงนี้เป็นถือว่าเป็นช่วง up period บริษัทก็เลยยังซื้อไม่ได้มีวงเงินอยู่ 300 ล้านบาท เราก็ในวันนั้นก็บอกว่าขอเอา 2 ทางแล้วกันก็เป็น 300 ล้านบาทหรือไม่เกิน 50 ล้านหุ้น ถ้าเกิดตีมาเป็นตัวกลมๆ ก็ประมาณ 2% กว่าๆ เกือบๆ 3% ถ้าซื้อหุ้นกู้กลับมาเนี่ย ทางผู้ถือหุ้นก็จะถือว่ามีสัดส่วนที่ถือหุ้นเพิ่มขึ้น หุ้นนี้ก็จะเก็บไว้กับบริษัท เราเริ่มซื้อได้เริ่มวันศุกร์ที่ผ่านมาเองแล้ววันนี้ก็ก็ก็เป็นวันที่ 3 นะครับ 2 วันก็เราเข้าไปซื้อได้ประมาณ 10 เมื่อวาน 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ของ ของตลาดเองนะครับคล้ายๆ ว่าตลาดตอบรับดีนะครับคึกคักมาก พยายามซื้อก็ซื้อได้แค่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์แต่ราคาขึ้นไปเยอะ เราก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปซื้อในราคาที่สูงนะครับ ก็ฝีมือการซื้อก็ต้องซื้อให้มันมันได้ราคาด้วย ก็ฝากผู้ถือหุ้นด้วยว่าก็มีอีก Tools นึงในการที่ช่วยดูแลเรื่อง เรื่องราคาหุ้นของบริษัท
    • **คำตอบคุณพี:** อย่างที่พี่บรรณเรียนไป เราก็คงจะวางแผนป้องกันในแง่ของตัวในเรื่องของตัวไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ผลประโยชน์ของบริษัท ผลประกอบการของบริษัทให้ครบถ้วนแล้วกันนะครับ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่ๆ ทุกท่านก็จะสนับสนุน เราต่อไปนะครับ ก็จริงๆ วันนี้เวลาหมดแล้วนะครับพี่พี่บรรณดร.เอกผม ในนามของบริษัท SCGJWD นะครับก็ขอขอบคุณพี่ๆ นักลงทุนทุกท่านนะครับแล้วก็มาเจอกันอีกครั้งหนึ่งใน Q2 นะครับ 2568 กับผมทางพี่บรรณแล้วก็ทาง ดร.เอกพงษ์ ครับสําหรับวันนี้ขอบคุณทางตลาดหลักทรัพย์ขอบคุณพี่ทุกท่านครับสวัสดีครับ

โพสต์ล่าสุด