บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ: MALEE กำไรสุทธิลดฮวบ แม้คุมต้นทุนดี

มาลีกรุ๊ป (MALEE) รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2568 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ลดลง 42% เมื่อเทียบกับปีก่อน เหลือเพียง 71 ล้านบาท แม้บริษัทจะพยายามควบคุมต้นทุนการผลิตและปรับราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวดีคือ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 195% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2567

รายได้หดตัว: ลูกค้ารับจ้างผลิตฉุดรั้ง

ยอดขายรวมของ MALEE ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1,820 ล้านบาท ลดลงถึง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากธุรกิจตราสินค้าของบริษัทฯ ลดลง 3% อยู่ที่ 770 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามสัญญาและรับจ้างผลิตลดลงถึง 26% อยู่ที่ 1,022 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากลูกค้ารับจ้างผลิตในกลุ่มผลิตภัณฑ์นม อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากลูกค้ารายใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างสมดุลการเติบโตในอนาคต

วิเคราะห์ผลกระทบ: ต้นทุนเพิ่ม ฉุดกำไร

แม้ต้นทุนขายจะลดลง 18% ทำให้อัตราส่วนต้นทุนขายต่อยอดขายลดลงจาก 80.7% เป็น 79.4% และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 19.3% เป็น 20.6% แต่ค่าใช้จ่ายในการบริหารกลับเพิ่มขึ้น 4% เนื่องจากการสรรหาพนักงาน ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 6.8% เป็น 8.5% นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้จะลดลง 2% แต่เมื่อเทียบกับยอดขายที่ลดลง ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 5.2% เป็น 6.2%

แนวโน้มและกลยุทธ์: บุกตลาดต่างประเทศ รักษาผู้นำในประเทศ

MALEE ยังคงมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีน และรักษาความเป็นผู้นำในตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มแบบพรีเมียมและตลาดน้ำมะพร้าวในประเทศ นอกจากนี้ ในเดือนเมษายน 2568 ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มาลีพาวเวอร์แพลนท์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ สำหรับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2% จากสิ้นปี 2567 โดยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ในขณะที่หนี้สินรวมลดลง 1.9% และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.54 เท่า