SSP กำไร Q4/67 นิวไฮ! หยวนต้าคงคำแนะนำ "ซื้อ" มองราคาเป้าหมาย 6.80 บาท

P/E 9.19 YIELD 3.69 ราคา 5.45 (-0.91%)


ไฮไลท์สำคัญ: กำไร Q4/67 ทำสถิติสูงสุดใหม่

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ยังคงแนะนำ "ซื้อ" หุ้น Sermsang Power (SSP) โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 6.80 บาท มองว่าราคาหุ้นปัจจุบันมี Downside จำกัด และผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดย SSP รายงานกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 314 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติอยู่ที่ 302 ล้านบาท (+112% QoQ, +82% YoY) ทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาสตามคาด ส่งผลให้กำไรสุทธิและกำไรปกติปี 2024 อยู่ที่ 754 ล้านบาท (-7% YoY) และ 825 ล้านบาท (-4% YoY) ตามลำดับ

ปัจจัยหนุนกำไร Q4/67 และแนวโน้ม Q1/68

กำไรปกติเติบโต QoQ และ YoY แม้โครงการ SPN ยังหยุดดำเนินการบางส่วน เพื่อเปลี่ยนแผง Solar PV เนื่องจาก 1) ปัจจัยฤดูกาลของโครงการวินชัย และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม 2) การรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของโครงการวินชัยจากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 100% และ 3) ค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลง

เบื้องต้นหยวนต้าคาดกำไรปกติ 1Q25 ที่ราว 250 ล้านบาท +/- ลดลง QoQ จากการออกจาก Peak Season ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม รวมถึงการรับรู้ผลกระทบจากการหมดสัญญา Adder ของโครงการ SPN ในเดือน ม.ค. 25 อย่างไรก็ตาม คาดกำไรปกติสามารถทรงตัวได้ YoY แม้ถูกกดดันจากการหมดสัญญา Adder โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลของโครงการวินชัย และการรับรู้รายได้แบบเต็มไตรมาสจากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น

ข้อสังเกต: ต้นทุนทางการเงินลดลงหนุนกำไร

หยวนต้าคาดกำไรปกติ 2Q25 สามารถกลับมาเติบโต YoY ได้จากต้นทุนทางการเงินที่คาดลดลงจากการปรับโครงสร้างหนี้ โดยบริษัทฯ ได้ออก Green Loan จำนวนรวม 2,000 ล้านบาทกับ Development Bank ในเดือน ก.พ. 25 (ดอกเบี้ยใหม่ลดลง 28 bps ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลงราว 37 ล้านบาท/ปี) เพื่อนำเงินมา Refinance หนี้สินเดิม และลงทุนโครงการใหม่ในอนาคต

สรุป: คงคำแนะนำ "ซื้อ" มอง Downside จำกัด

หยวนต้าคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 6.80 บาท/หุ้น มองว่าที่ระดับราคาปัจจุบันหุ้นเริ่มมี Downside จำกัดแล้วจาก 1) ผลประกอบการที่คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว 2) ราคาปัจจุบันซื้อขายอยู่บน PER2025 ที่เพียง 8.7 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มฯ และ 3) มีโครงการซื้อหุ้นคืนระหว่างวันที่ 18 ก.พ. - 17 ส.ค. 25 (จำนวน 35 ล้านหุ้นภายใต้วงเงิน 200 ล้านบาท, คิดเป็นราคาเฉลี่ยที่ราว 5.71 บาท/หุ้น) จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว

โพสต์ล่าสุด